อาการวุ้นตาเสื่อม สังเกตได้เมื่อเห็นจุดสีดำลอยขึ้นมา และเห็นแสงแฟลชในที่มืด
อาการวุ้นตาเสื่อม สังเกตได้เมื่อเห็นจุดสีดำลอยขึ้นมา และเห็นแสงแฟลชในที่มืด

วุ้นตาเสื่อม (Vitreous Degeneration) เป็นโรคที่มักจะเกิดขึ้นกับบุคคลที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป แต่ปัจจุบันบุคคลที่อายุยังไม่มาก จากการใช้สายตากับหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือหน้าจอโทรศัพท์มากจนเกินไป ก็สามารถเป็นโรควุ้นตาเสื่อมได้ โดยสังเกตอาการ เช่น เห็นจุดสีดำลอยขึ้นมา คล้ายแมลงหวี่บินรอบดวงตา หรือการอยู่ในที่มืด หรือหลับตาลง แต่เห็นแสงแฟลชเหมือนกล้องถ่ายรูป  หากมีอาการดังกล่าวควรมาพบจักษุแพทย์โดยทันที

 

 

วุ้นตา และโรควุ้นตาเสื่อม

 

วุ้นตา (Vitreous) มีลักษณะเป็นเจลหนืด ใส อยู่บริเวณส่วนหลังของภายในช่องตา ซึ่งประกอบด้วยน้ำ โปรตีน เส้นใย ได้แก่ คอลลาเจน กรดไฮยาลูโรนิก และสารเกลือแร่ต่าง ๆ ต่อมาเมื่อวุ้นตาเกิดการเสื่อมสภาพจากเจล กลายเป็นน้ำ เส้นใยไฟเบอร์ในตาจะหดจับกันเป็นก้อนขุ่น  เกิดการลอกออกของวุ้นตาจากผิวจอตา หรือผิวจอประสาทตาลอก(Posterior Vitreous Detachment : PVD)  หากมีการฉีกขาดของหลอดเลือดบริเวณจอตา มีเลือดออกในวุ้นตา และสามารถฉีกขาดได้ หากไม่ได้รับการรักษาจะเข้าสู่ภาวะจอตาหลุดลอก (Retinal Detachment) ส่งผลให้สูญเสียการมองเห็นตลอดชีวิตได้

 

 

สาเหตุของวุ้นตาเสื่อม

      

  • ความเสื่อมตามวัย มักจะพบในผู้ป่วยอายุ 50 ปีขึ้นไป

      

  • การอักเสบในวุ้นตา และจอตา (Intermediate and Posterior Uveitis)

      

  • ภาวะเลือดออกในน้ำวุ้นตา จากอุบัติเหตุ หรือโรคที่เกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือด

      

  • การมองตัวอักษรที่อยู่บนจอคอมพิวเตอร์ และจอโทรศัพท์

      

  • การก้มมองแป้นพิมพ์ตัวอักษร

      

  • การเลื่อนอ่านสื่อต่างๆ ที่อยู่บนจอคอมพิวเตอร์ และจอโทรศัพท์

      

  • โรคต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน และสายตาสั้น

 

 

อาการวุ้นตาเสื่อม

 

  • เห็นจุดสีดำลอยไป ลอยมา เวลามองฟ้า มองฝ้า เพดาน หรือกลอกตา

      

  • เห็นเส้นสีดำลอยไป ลอยมา เวลากลอกตา การมองเห็นไม่สะดวก รู้สึกรำคาญ เมื่อเวลาผ่านไปถ้าไม่สังเกตจะไม่เห็นเส้นสีดำนี้

      

  • เห็นแสงแฟลชเหมือนกล้องถ่ายรูป ขณะหลับตา หรืออยู่ในที่มืดไม่มีแสง

      

  • ในอาการที่รุนแรงจะเห็นจุดเงาสีดำเพิ่มมากขึ้น จนจอตาฉีกขาด หรือจอตาลอก และไม่สามารถมองเห็นอะไรได้อีกเลย

 

 

การวินิจฉัยวุ้นตาเสื่อม

 

ในเบื้องต้นจักษุแพทย์จะสอบถามประวัติ และอาการผู้ป่วย และทำการตรวจบริเวณตาส่วนหน้าโดยการใช้กล้อง (Slit Lamp) การหยอดยาขยายรูม่านตา และใช้แสงไฟจากกล้องส่องตรวจในตาเพื่อตรวจดูจอตา และวุ้นตาอย่างละเอียด  รวมทั้งการตรวจว่าตาพร่ามัวสู้แสงได้หรือไม่

 

 

การรักษาวุ้นตาเสื่อม

 

อาการวุ้นตาเสื่อม เช่น การเห็นจุดสีดำลอยไป ลอยมา หรือเห็นแสงแฟลชในที่มืด สามารถหายเองได้โดยไม่ต้องรักษา แต่ถ้าหากมีปัญหาการฉีกขาดของจอตา มีความเสี่ยงในการสูญเสียการมองเห็น จักษุแพทย์จะทำการรักษาดังนี้

      

  • การทำเลเซอร์ ทำลายวุ้นตาเสื่อม ให้ย้ายออกไปจากการมองเห็น หรือการจี้ความเย็นเพื่อปิดรอยฉีกขาด และป้องกันการเกิดจอตาหลุดลอก

      

  • การผ่าตัดวุ้นตา (Vitrectomy) โดยการนำวุ้นตา และเศษเนื้อที่เสียหายออก และใช้วุ้นตาจากสารละลายน้ำเกลือ (Saline) ทดแทน  การผ่าตัดวุ้นตานั้นไม่ได้นำวุ้นตาออกทั้งหมด หลังจากการผ่าตัดนั้น มันสามารถสร้างขึ้นมาใหม่เองได้ตามธรรมชาติ

 

 

วุ้นตาเสื่อม

 

 

การป้องกันวุ้นตาเสื่อม

      

  • ตรวจสุขภาพดวงตา อย่างน้อยปีล่ะ 1 ครั้ง โดยเฉพาะผู้สูงอายุ

      

  • หลีกเลี่ยงการใช้คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือการอ่านหนังสือในที่แสงสว่างไม่เพียงพอ

      

  • หลีกเลี่ยงการนอนหลับในที่สว่าง

      

  • การใส่แว่นตานิรภัย เพื่อป้องกันอันตรายจากอุบัติเหตุที่บริเวณดวงตา

 

 

ผู้ที่เข้ารับการตรวจวุ้นตาเสื่อมกับจักษุแพทย์นั้น ไม่ควรขับรถมาด้วยตนเอง เพราะไม่ปลอดภัยหลังจากการตรวจแล้ว อาจเกิดอุบัติเหตุได้ ควรมีบุคคลอื่นมาช่วยเหลือด้วย ทั้งนี้ควรเตรียมแว่นตากันแดด เพื่อป้องกันอาการตาสู้แสงไม่ได้ และหลังจากการผ่าตัด ผู้ป่วยควรมาทำตามนัดหมายของจักษุแพทย์อย่างเคร่งครัด