หากพูดถึงหน้าร้อน ทุกคนคงนึกถึงพระอาทิตย์ดวงโตที่มักจะปล่อยแสงแดดอันร้อนแรงคอยทำให้เราต้องประโคมทาครีมกันแดด หรือสวมหมวกเพื่อป้องกันอันตรายจากรังสี UV ที่มาพร้อมกับแสงแดด แต่อันตรายจากแสงแดดไม่ได้มีเพียงแค่รังสีชนิดต่าง ๆ ที่ทำร้ายผิวเท่านั้น แต่ความร้อนที่โพยพุ่งออกมาพร้อม ๆ กับแสงแดดที่แผดเผานั้นอาจส่งผลทำให้เรากลายเป็น “โรคลมแดด” ได้
เป็นภาวะอุณหภูมิของแกนร่างกายสูงขึ้นมากกว่า 40 องศาเซลเซียสอย่างรวดเร็ว ซึ่งเกิดจากการอยู่ในสถานที่ที่มีอุณหภูมิสูงมาก โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีอากาศร้อนชื้น หรือเกิดจากการออกกำลังกายมากจนร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้ทัน โรคนี้สามารถส่งผลเสียต่อหัวใจ ระบบประสาท และไต เพราะเลือดไหลเวียนไปที่อวัยวะต่าง ๆ ได้น้อยลง
โดยกลุ่มคนที่มักเป็นโรคลมแดดได้ง่าย คือ เด็กเล็ก และผู้สูงอายุ (อายุเกิน 65 ปี) เพราะร่างกายมีความสามารถในการปรับอุณหภูมิได้ช้ากว่าคนวัยอื่น นอกจากนี้ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอด โรคหัวใจ และคนที่เคยเป็นโรคลมแดดมาก่อนยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคนี้ได้ง่ายด้วยเช่นกัน
โรคลมแดดสามารถเป็นได้เลยทันทีโดยไม่มีสัญญาณเตือนใด ๆ แต่เราสามารถสังเกตอาการได้เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง และอาจเป็นอันตรายแก่ชีวิตได้ดังนี้
หากพบผู้ป่วยที่เป็นโรคลมแดดสามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้ ดังนี้
โรคลมแดดสามารถเกิดภาวะแทรกซ้อนได้มากมาย เช่น ระบบประสาทส่วนกลาง เกิดภาวะสมองบวมทำให้มีอาการสับสน ชักเกร็ง และหมดสติ ระบบหัวใจและหลอดเลือด เมื่อร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำจะทำให้เกิดความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นผิดปกติ ซึ่งเป็นอาการที่อาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้ เป็นต้น โดยภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ จะขึ้นอยู่กับระยะเวลาและมีความรุนแรงแตกต่างกันในแต่ละบุคคล หากได้รับการช่วยเหลือล่าช้าจะทำให้อาการรุนแรง และเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากขึ้น
การป้องกันโรคลมแดด
โรคลมแดดแม้จะเป็นโรคที่ดูไม่น่ากลัว เพราะสามารถทำให้อาการดีขึ้นได้เพียงการปฐมพยาบาลเบื้องต้นแต่หากปล่อยให้ผู้ป่วยมีอาการเป็นเวลานานอาจจะส่งผลต่ออวัยวะส่วนอื่น ๆ และทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง และทำให้เสียชีวิตได้
______________________________________
ติดต่อแผนกอายุรกรรม
วันเปิดทำการ : บริการทุกวัน
เวลาเปิดทำการ : 08.00-20.00 น. (ติดต่อลงทะเบียนก่อนเวลา 19.30 น.)
ตึก/ชั้น : A/16
เบอร์ติดต่อ : 1390