Q : สนใจแพคเกจผ่าตัดไส้ติ่งต้องทำอย่างไรบ้าง
A : หากสนใจแพคเกจผ่าตัดไส้ติ่ง สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ที่ LINE คลิก เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงแนะนำการเข้ารับบริการตั้งแต่พบแพทย์จนถึงการผ่าตัดและหลังการผ่าตัด
Q : แพทย์ผ่าตัดไส้ติ่งผ่านกล้องมีท่านใดบ้าง และออกตรวจในวันและเวลาใดบ้าง
A : แนะนำแพทย์เฉพาะทาง 2 ท่าน คือ นพ.ภูวสิษฏ์ ตรีจักรสังข์ และนพ.รัฐพร ดอนนาปี โดยจะออกตรวจคนไข้วันจันทร์-วันเสาร์ เวลา 09.00-11.00 และ 13.00-19.00 น. (เวลาอาจมีการปรับเปลี่ยน) ก่อนเข้ารับบริการสามารถตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ได้ และสามารถนัดหมายหรือตรวจสอบคิวแพทย์ได้ที่ LINE คลิก
Q : ก่อนเข้าแพคเกจและหลังผ่าตัดจะมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ?
A : 1.พบแพทย์เฉพาะทางก่อนเพื่อให้แพทย์ประเมินอาการ และร่างกายก่อนผ่าตัด ค่าใช้จ่ายประมาณ 700 - 1,000 บาท (กรณีไม่มีส่งตรวจอุปกรณ์พิเศษใด ๆ เพิ่ม)
A : 2.ตรวจร่างกายก่อนผ่าตัด (Pre-op) หากผู้ป่วยไม่มีโรคประจำตัว ค่าใช้จ่ายประมาณ 2,000 - 5,000 บาท กรณีผู้ป่วยมีโรคประจำตัวอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น
A : 3.ตรวจโควิด-19 Antigen Test (ATK) ก่อนเข้ารับบริการผ่าตัด ค่าใช้จ่ายประมาณ 1,000 บาท (กรณีผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงจะต้องตรวจโควิด 19 ด้วยวิธี RT-PCR 1,500 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่แพทย์พิจารณาส่งตรวจ)
A : 4.หลังผ่าตัดแพทย์จะนัดหมายติดตามอาการเพื่อดูถึงความผิดปกติ หรือดูแผลผ่าตัดว่าเกิดการติดเชื้อ มีผลข้างเคียงหรือไม่ เป็นต้น ค่าใช้จ่ายประมาณ 700 - 1,000 บาท (ไม่รวมหากมียากลับบ้านเพิ่มและส่งตรวจอุปกรณ์พิเศษใด ๆ เพิ่ม)
Q : หากมีผลตรวจจากโรงพยาบาลอื่นควรทำอย่างไรบ้าง
A : หากมีผลตรวจจากโรงพยาบาลอื่น สามารถนำผลตรวจทั้งหมดมาประกอบพิจารณาการผ่าตัดเพิ่มเติมได้เลย หากแพทย์พิจารณาจากผลการตรวจเดิมได้ ผู้ป่วยอาจไม่ต้องตรวจรายการอื่นและอาจไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมก่อนผ่าตัด
Q : หากมีผลตรวจจากโรงพยาบาลอื่นมาแล้ว แต่เนื่องจากต้องเดินทางไกล และต้องการทราบผลเบื้องต้นจะผ่าตัดได้หรือไม่ และควรทำอย่างไร
A : หากมีผลตรวจจากโรงพยาบาลอื่น และต้องการทราบผลการผ่าตัดเบื้องต้น สามารถส่งให้ทางโรงพยาบาลเพื่อประสานพยาบาลและแพทย์ประเมินเบื้องต้นก่อนได้ หลังจากนั้นแพทย์จะนัดหมายมาพบแพทย์ตามขั้นตอนอีกครั้ง
Q : พบแพทย์แล้วสามารถผ่าตัดได้เลยหรือไม่
A : ในกรณีฉุกเฉิน หากแพทย์พิจารณาแล้วว่าคนไข้ต้องเข้ารับการผ่าตัด สามารถผ่าตัดได้เลย ส่วนในกรณีไม่ฉุกเฉินแพทย์จะนัดหมายอีกครั้งโดยไม่เกิน 1 สัปดาห์ (ทั้งนี้อยู่ที่ความสะดวกของผู้ป่วยและคิวแพทย์ผ่าตัดด้วย)
Q : หากเป็นกรณีฉุกเฉินที่ไม่ทราบมาก่อน ปวดท้องแล้วมาผ่าตัดเลยจะมีค่าใช้จ่ายเท่ากันหรือไม่
A : กรณีผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัดฉุกเฉิน สามารถเข้าแพคเกจนี้ได้เลย (ทั้งนี้ก่อนเข้าแพคเกจจะต้องผ่านการพิจารณาจากแพทย์อีกครั้ง)
Q : มีประกันชีวิตสามารถใช้ในแพคเกจนี้ได้หรือไม่
A : หากมีประกันชีวิตและมีการคุ้มครองการผ่าตัดสามารถเข้าผ่าตัดแพคเกจนี้ได้ โดยเจ้าหน้าที่จะมีการตรวจสอบความคุ้มครองเบื้องต้นก่อนเข้ารับบริการ และในวันที่พบแพทย์เพื่อประเมินการผ่าตัดจะมีการเช็กความคุ้มครองอีกครั้ง
Q : สามารถใช้สิทธิประกันสังคมได้หรือไม่
A : กรณีสิทธิประกันสังคม สามารถผ่าตัดได้ ซึ่งไม่สามารถเข้าแพคเกจได้ แต่จะต้องเข้าพบแพทย์ตามขั้นตอนประกันสังคม โดยจะต้องเข้าพบแพทย์ทางด้านอายุรกรรมหลังจากแพทย์วินิจฉัยจะส่งต่อแพทย์เฉพาะอีกครั้ง และนัดหมายเข้ารับการผ่าตัด
Q : หากมีสิทธิประกันสังคมแต่ไม่สะดวกรอผ่าตัดจึงประสงค์จะชำระค่ารักษาตามแพคเกจได้หรือไม่
A : หากผู้ป่วยประสงค์ผ่าตัดโดยไม่ใช้สิทธิประกันสังคมสามารถเข้ารับบริการได้ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับแพทย์พิจารณาอีกครั้ง และผู้ป่วยจะต้องสละสิทธิ์โครงการประกันสังคมและยินยอมการรักษาค่าพยาบาลตามเงื่อนไขของโรงพยาบาลที่กำหนดก่อนเข้ารับการผ่าตัด
Q : ผ่าตัดไส้ติ่งควรเลือกผ่าตัดแบบไหนดี
A1 : การผ่าตัดไส้ติ่งแบบเปิดแผล ผู้ป่วยจะมีบาดแผลบริเวณท้องน้อยด้านขวา ใช้ระยะเวลาพักฟื้นนาน
A2 : ผ่าตัดไส้ติ่งแบบผ่านกล้อง จะมีแผลขนาดเล็กเพียง 2-3 จุด หลังจากผ่าตัดผู้ป่วยจึงจะปวดแผลน้อย ฟื้นตัวเร็ว และเป็นการผ่าตัดที่ใช้กล้องส่องจึงทำให้การผ่าตัดมีความแม่นยำและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
Q : ใช้ระยะเวลาในการผ่าตัดเท่าใด
A : ผ่าตัดจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
Q : เมื่อแพทย์วินิจฉัยผ่าตัดผ่านกล้องจะมีขั้นตอนการผ่าตัดอย่างไร
A : ทางโรงพยาบาลเพชรเวช จะมีเป็นการผ่าตัดส่องกล้อง โดยมีราคา 95,000 บาท วิธีการผ่าตัดจะเจาะผิวหนังเป็นรูเล็ก ๆ เพื่อสอดกล้องและเครื่องมือผ่าตัดเข้าไปในช่องท้อง โดยรอยแผลจะมีขนาดเล็กประมาณ 1-2 เซนติเมตร ศัลยแพทย์จะทำการผ่าตัดโดยเห็นภาพที่ชัดเจนผ่านจอภาพ แต่การจะเลือกใช้วิธีการผ่าตัดส่องกล้องหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับชนิดของโรค ความรุนแรง ความเสี่ยง โดยประเมินจากสุขภาพของผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วโรคที่เกิดในช่องท้องสามารถผ่าตัดส่องกล้องได้ รวมถึงโรคไส้ติ่งอักเสบด้วย
Q : ผ่าตัดไส้ติ่งแล้ว มีผลต่อร่างกายอย่างไร
A : ปัจจุบันยังไม่พบว่าไส้ติ่งมีความสำคัญต่อร่างกาย การผ่าตัดออกจึงไม่มีผลเสียต่อร่างกาย
Q : หากไส้ติ่งแตกแล้วต้องเข้ารับการผ่าตัดแบบไหน
A : หากพบไส้ติ่งแตกแล้วต้องเข้ารับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน โดยแพทย์จะพิจาณาเป็นผ่าตัดแบบเปิดเพื่อนำชิ้นเนื้อออกให้ทั้งหมด และป้องกันการติดเชื้อ
Q : เป็นไส้ติ่งอักเสบและผ่าตัดแล้ว สามารถเดินได้ปกติเลยหรือไม่
A : ขึ้นอยู่กับว่าผู้ป่วยจะเลือกการผ่าตัดแบบเปิดแผลหรือผ่านกล้องและระยะเวลาการฟื้นตัวจะแตกต่างกัน หากเป็นแบบส่องกล้องหลังผ่าตัดจะมีแผลเล็ก เจ็บน้อย หลังผ่าตัดผู้ป่วยบางรายไม่เกิน 2-3 วัน ก็สามารถเดินได้ปกติ แบบเปิดแผลจะเจ็บแผลมากกว่าและใช้เวลาพักฟื้นนาน
Q : ปวดท้องอย่างไรคืออาการไส้ติ่ง
A : อาการปวดท้องจากไส้ติ่งจะปวดท้องมาก เริ่มแรกอาจปวดเป็นพัก ๆ รอบสะดือคล้ายโรคกระเพาะ เข้าส้วมบ่อย แต่ถ่ายไม่ออก หรือบางคนอาจมีอาการท้องเดินร่วมด้วย อาการปวดแม้กินยาแก้ปวดก็ไม่หาย ต่อมาอีก 3-4 ชั่วโมงอาการปวดจะย้ายมาที่ท้องน้อยข้างขวา ลักษณะปวดเสียดท้องตลอดเวลา เมื่อเคลื่อนไหวตัวจะทำให้ปวดมาก ผู้ป่วยจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนและมีไข้ต่ำ ๆ บางคนถ้าเป็นมากต้องนอนงอขาแล้วตะแคงไปข้างหนึ่ง หรือเวลาเดินต้องเดินตัวงอจึงจะรู้สึกสบายขึ้น อาการจะเป็นอยู่นับชั่วโมงถึงหลายวันจนนำไปสู่ภาวะไส้ติ่งแตกในที่สุด
Q : หากปล่อยอาการดังกล่าวไว้จะมีอันตรายมากน้อยเพียงใด
A : หากมีอาการดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ประเมินระยะรุนแรงของไส้ติ่ง เพราะไส้ติ่งอาจแตกได้ภายใน 48-72 ชั่วโมง ซึ่งจะต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน
Q : ไส้ติ่งอักเสบที่แตกเป็นหนองไปหาหมอได้ยาฆ่าเชื้อมา และยังไม่ได้ผ่าตัดจะเป็นอะไรไหม
A : หากเกิดไส้ติ่งแตก และยังไม่ผ่าตัดอาจจะทำให้มีการติดเชื้อในกระแสเลือดตามมา และอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ การผ่าตัดในกรณีที่ไส้ติ่งแตกแล้วมีโอกาสเกิดแผลติดเชื้อสูง
Q : ทานเมล็ดฝรั่งแล้วจะเป็นไส้ติ่งจริงหรือไม่
A : หากมีสิ่งอุดตันไส้ติ่งจนทำให้อักเสบ ไม่ว่าจะเป็นอาหารชนิดใดล้วนทำให้เกิดความเสี่ยงได้ เพียงแต่ลักษณะของเม็ดฝรั่งมีขนาดและความแข็งพอดีกับการอุดตันของไส้ติ่งเล็ก ๆ นั่นเอง
Q : หากยังไม่พบไส้ติ่งอักเสบหรือไม่มีอาการ แต่เข้ารับการคลอดลูกจะผ่าตัดไส้ติ่งได้เลยหรือไม่
A : สามารถผ่าตัดได้เลย (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแพทย์พิจารณาร่วมด้วย) หากเป็นผ่าตัดคลอดแนะนำให้ตัดไส้ติ่งออกเลย โดยไม่ต้องกังวลใจว่าจะเป็นไส้ติ่งอักเสบในอนาคต
Q : สนใจแพคเกจผ่าตัดไส้ติ่งต้องทำอย่างไรบ้าง
A : หากสนใจแพคเกจผ่าตัดไส้ติ่ง สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ที่ LINE คลิก เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงแนะนำการเข้ารับบริการตั้งแต่พบแพทย์จนถึงการผ่าตัดและหลังการผ่าตัด
Q : แพทย์ผ่าตัดไส้ติ่งแบบเปิดแผลมีท่านใดบ้าง และออกตรวจในวันและเวลาใดบ้าง
A : แนะนำแพทย์เฉพาะทาง 2 ท่าน คือ นพ.ภูวสิษฏ์ ตรีจักรสังข์ และนพ.รัฐพร ดอนนาปี โดยจะออกตรวจคนไข้วันจันทร์-วันเสาร์ เวลา 09.00-11.00 และ 13.00-19.00 น. (เวลาอาจมีการปรับเปลี่ยน) ก่อนเข้ารับบริการสามารถตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ได้ และสามารถนัดหมายหรือตรวจสอบคิวแพทย์ได้ที่ LINE คลิก
Q : ก่อนเข้าแพคเกจและหลังผ่าตัดจะมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ?
A : 1.พบแพทย์เฉพาะทางก่อนเพื่อให้แพทย์ประเมินอาการ และร่างกายก่อนผ่าตัด ค่าใช้จ่ายประมาณ 700 - 1,000 บาท (กรณีไม่มีส่งตรวจอุปกรณ์พิเศษใด ๆ เพิ่ม)
A : 2.ตรวจร่างกายก่อนผ่าตัด (Pre-op) หากผู้ป่วยไม่มีโรคประจำตัว ค่าใช้จ่ายประมาณ 2,000 - 5,000 บาท กรณีผู้ป่วยมีโรคประจำตัวอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น
A : 3.ตรวจโควิด-19 Antigen Test (ATK) ก่อนเข้ารับบริการผ่าตัด ค่าใช้จ่ายประมาณ 1,000 บาท (กรณีผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงจะต้องตรวจโควิด 19 ด้วยวิธี RT-PCR 1,500 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่แพทย์พิจารณาส่งตรวจ)
A : 4.หลังผ่าตัดแพทย์จะนัดหมายติดตามอาการเพื่อดูถึงความผิดปกติ หรือดูแผลผ่าตัดว่าเกิดการติดเชื้อ มีผลข้างเคียงหรือไม่ เป็นต้น ค่าใช้จ่ายประมาณ 700 - 1,000 บาท (ไม่รวมหากมียากลับบ้านเพิ่มและส่งตรวจอุปกรณ์พิเศษใด ๆ เพิ่ม)
Q : หากมีผลตรวจจากโรงพยาบาลอื่นควรทำอย่างไรบ้าง
A : หากมีผลตรวจจากโรงพยาบาลอื่น สามารถนำผลตรวจทั้งหมดมาประกอบพิจารณาการผ่าตัดเพิ่มเติมได้เลย หากแพทย์พิจารณาจากผลการตรวจเดิมได้ ผู้ป่วยอาจไม่ต้องตรวจรายการอื่นและเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมก่อนผ่าตัด
Q : หากมีผลตรวจจากโรงพยาบาลอื่นมาแล้ว แต่เนื่องจากต้องเดินทางไกล และต้องการทราบผลเบื้องต้นจะผ่าตัดได้หรือไม่ และควรทำอย่างไร
A : หากมีผลตรวจจากโรงพยาบาลอื่น และต้องการทราบผลการผ่าตัดเบื้องต้น สามารถส่งให้ทางโรงพยาบาลเพื่อประสานพยาบาลและแพทย์ประเมินเบื้องต้นก่อนได้ หลังจากนั้นแพทย์จะนัดหมายมาพบแพทย์ตามขั้นตอนอีกครั้ง
Q : พบแพทย์แล้วสามารถผ่าตัดได้เลยหรือไม่
A : ในกรณีฉุกเฉิน หากแพทย์พิจารณาแล้วว่าคนไข้ต้องเข้ารับการผ่าตัด สามารถผ่าตัดได้เลย ส่วนในกรณีไม่ฉุกเฉินแพทย์จะนัดหมายอีกครั้งโดยไม่เกิน 1 สัปดาห์ (ทั้งนี้อยู่ที่ความสะดวกของผู้ป่วยและคิวแพทย์ผ่าตัดด้วย)
Q : หากเป็นกรณีฉุกเฉินที่ไม่ทราบมาก่อนปวดท้องแล้วมาผ่าตัดเลยจะมีค่าใช้จ่ายเท่ากันหรือไม่
A : กรณีผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัดฉุกเฉิน สามารถเข้าแพ็กเกจนี้ได้เลย (ทั้งนี้ก่อนเข้าแพคเกจจะต้องผ่านการพิจารณาจากแพทย์อีกครั้ง)
Q : มีประกันชีวิตสามารถใช้ในแพคเกจนี้ได้หรือไม่
A : หากมีประกันชีวิตและมีการคุ้มครองการผ่าตัดสามารถเข้าผ่าตัดแพ็กเกจนี้ได้ โดยเจ้าหน้าที่จะมีการตรวจสอบความคุ้มครองเบื้องต้นก่อนเข้ารับบริการ และในวันที่พบแพทย์เพื่อประเมินการผ่าตัดจะมีการเช็กความคุ้มครองอีกครั้ง
Q : สามารถใช้สิทธิประกันสังคมได้หรือไม่
A : กรณีสิทธิประกันสังคม สามารถผ่าตัดได้ ซึ่งไม่สามารถเข้าแพคเกจได้ แต่จะต้องเข้าพบแพทย์ตามขั้นตอนประกันสังคม โดยจะต้องเข้าพบแพทย์ทางด้านอายุรกรรมหลังจากแพทย์วินิจฉัยจะส่งต่อแพทย์เฉพาะทางอีกครั้ง และนัดหมายเข้ารับการผ่าตัด
Q : หากมีสิทธิประกันสังคมแต่ไม่สะดวกรอผ่าตัดประสงค์จะชำระรักษาตามแพคเกจได้หรือไม่
A : หากผู้ป่วยประสงค์ผ่าตัดโดยไม่ใช้สิทธิประกันสังคมสามารถเข้ารับบริการได้ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับแพทย์พิจารณาอีกครั้ง และผู้ป่วยจะต้องสละสิทธิ์โครงการประกันสังคมและยินยอมการรักษาค่าพยาบาลตามเงื่อนไขของโรงพยาบาลที่กำหนดก่อนเข้ารับการผ่าตัด
Q : ผ่าตัดไส้ติ่งควรเลือกผ่าตัดแบบไหนดี
A1 : การผ่าตัดไส้ติ่งแบบเปิดแผล ผู้ป่วยจะมีบาดแผลบริเวณท้องน้อยด้านขวา ใช้ระยะเวลาพักฟื้นนาน
A2 : ผ่าตัดไส้ติ่งแบบผ่านกล้องจะมีแผลขนาดเล็กเพียง 2-3 จุด หลังจากผ่าตัดผู้ป่วยจึงจะปวดแผลน้อย ฟื้นตัวเร็ว และเป็นการผ่าตัดที่ใช้กล้องส่องจึงทำให้การผ่าตัดมีความแม่นยำและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
Q : ใช้ระยะเวลาในการผ่าตัดเท่าใด
A : ผ่าตัดจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที นอนพักฟื้น 3 วัน 2 คืน
Q : เมื่อแพทย์วินิจฉัยผ่าตัดแบบเปิดแผล จะมีขั้นตอนการผ่าตัดอย่างไร
A : ทางโรงพยาบาลเพชรเวชจะมีเป็นการผ่าตัดเปิดแผล โดยมีราคา 54,000 บาท แพทย์จะทำการผ่าตัดเปิดหน้าท้องบริเวณท้องน้อยด้านขวา แผลขนาด 3-10 เซนติเมตร ในกรณีไส้ติ่งแตกอาจต้องเปิดแผลขนาดยาวกลางท้อง เพื่อทำการล้างภายในช่องท้องด้วย
Q : ผ่าตัดไส้ติ่งแล้ว มีผลต่อร่างกายอย่างไร
A : ปัจจุบันยังไม่พบว่าไส้ติ่งมีความสำคัญต่อร่างกายการผ่าตัดออกจึงไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย
Q : หากไส้ติ่งแตกแล้วต้องเข้ารับการผ่าตัดแบบไหน
A : หากพบไส้ติ่งแตกแล้วต้องเข้ารับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน โดยแพทย์จะพิจาณาเป็นผ่าตัดแบบเปิดเพื่อนำชิ้นเนื้อออกให้ทั้งหมด และป้องกันการติดเชื้อ
Q : เป็นไส้ติ่งอักเสบและผ่าตัดแล้ว สามารถเดินได้ปกติเลยหรือไม่
A : ขึ้นอยู่กับผู้ป่วยจะเลือกการผ่าตัดแบบเปิดแผลหรือผ่านกล้องและระยะเวลาการฟื้นตัวจะแตกต่างกัน หากเป็นแบบส่องกล้องหลังผ่าตัดจะมีแผลเล็ก เจ็บน้อย หลังผ่าตัดผู้ป่วยบางรายไม่เกิน 2-3 วัน ก็สามารถเดินได้ปกติ แบบเปิดแผลจะเจ็บแผลมากกว่าและใช้เวลาพักฟื้นนาน
Q : ปวดท้องอย่างไรคืออาการไส้ติ่ง
A : อาการปวดท้องจากไส้ติ่งจะปวดท้องมาก เริ่มแรกอาจปวดเป็นพัก ๆ รอบสะดือคล้ายโรคกระเพาะ หรือท้องเดินอาจจะเข้าส้วมบ่อย แต่ถ่ายไม่ออก หรือบางคนอาจมีอาการท้องเดินร่วมด้วยอาการปวดแม้กินยาแก้ปวดก็ไม่หาย ต่อมาอีก 3-4 ชั่วโมง อาการปวดจะย้ายมาที่ท้องน้อยข้างขวา ลักษณะปวดเสียดท้องตลอดเวลา เมื่อเคลื่อนไหวตัวจะทำให้ปวดมาก ผู้ป่วยจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนและมีไข้ต่ำ ๆ บางคนถ้าเป็นมากต้องนอนงอขาแล้วตะแคงไปข้างหนึ่ง หรือเวลาเดินต้องเดินตัวงอจึงจะรู้สึกสบายขึ้น อาการจะเป็นอยู่นับชั่วโมงถึงหลายวันจนนำไปสู่ภาวะไส้ติ่งแตกในที่สุด
Q : หากปล่อยอาการดังกล่าวไว้ จะมีอันตรายมากน้อยเพียงใด
A : หากมีอาการดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ประเมินระยะรุนแรงของไส้ติ่ง เพราะไส้ติ่งอาจแตกได้ภายใน 48-72 ชั่วโมง ซึ่งจะต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน
Q : ไส้ติ่งอักเสบที่แตกเป็นหนอง ไปหาหมอได้ยาฆ่าเชื้อมายังไม่ได้ผ่าตัดจะเป็นอะไรไหม
A : หากเกิดไส้ติ่งแตก และยังไม่ผ่าตัดอาจจะทำให้มีการติดเชื้อในกระแสเลือดตามมา และอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ การผ่าตัดในกรณีที่ไส้ติ่งแตกแล้วมีโอกาสเกิดแผลติดเชื้อสูง
Q : ทานเมล็ดฝรั่งแล้วจะเป็นไส้ติ่งจริงหรือไม่
A : หากมีสิ่งอุดตันไส้ติ่งจนทำให้อักเสบ ไม่ว่าจะเป็นอาหารชนิดใดล้วนทำให้เกิดความเสี่ยงได้ เพียงแต่ลักษณะของเม็ดฝรั่งมีขนาดและความแข็งพอดีกับการอุดตันของไส้ติ่งเล็ก ๆ นั่นเอง
Q : หากยังไม่พบไส้ติ่งอักเสบหรือไม่มีอาการ แต่เข้ารับการคลอดลูก จะผ่าไส้ติ่งได้เลยหรือไม่
A : สามารถผ่าตัดได้เลย (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแพทย์พิจารณาร่วมด้วย) หากเป็นผ่าตัดคลอดแนะนำให้ตัดไส้ติ่งออกเลย โดยไม่ต้องกังวลใจว่าจะเป็นไส้ติ่งอักเสบในอนาคต
Q : เงื่อนไขการเข้ารับบริการมีอะไรบ้าง
A : 1.การเข้ารับบริการแพ็กเกจขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์เท่านั้น (เช่น ผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป หรือผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว)
A : 2. แพ็กเกจดังกล่าวไม่รวมภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับโรคประจำตัว (Underlying disease) ของผู้ป่วยและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นนอกเหนือแพ็กเกจการผ่าตัด
A : 3. ไม่รวมกรณีนอนพักเกินจำนวนวันที่กำหนดไว้ในแพ็กเกจ และค่าห้อง ICU กรณีจำเป็นต้องนอนหลังผ่าตัด
A : 4. สงวนสิทธิ์เฉพาะคนไทยและชาวต่างชาติที่มีถิ่นพำนักในประเทศไทยเท่านั้น
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง