หลอดลมอักเสบ โรคที่มากับอากาศหนาวเย็น
หลอดลมอักเสบ โรคที่มากับอากาศหนาวเย็น

หลอดลมอักเสบ (Bronchitis) เกิดจากการอักเสบของเยื่อบุหลอดลม ทำให้เยื่อบุหลอดลมบวม และมีเสมหะที่หลอดลม ส่งผลให้มีอาการไอ มีเสมหะ หายใจลำบาก เจ็บคอ แสบคอ หรือเจ็บหน้าอก มักพบได้บ่อยในช่วงฤดูฝน และฤดูหนาว สามารถพบผู้ติดเชื้อได้ทุกช่วงวัย

 

 

หลอดลมอักเสบเกิดจากอะไร

 

  • โรคหลอดลมอักเสบสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งจากเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัส

 

  • เชื้อแบคทีเรีย เช่น ไมโคพลาสมา (Mycoplasma) หรือคลาไมเดีย (Chlamydia) 

 

  • เชื้อไวรัส เช่น อะดิโนไวรัส (Adenovirus) ไรโนไวรัส (Rhinovirus)

 

  • นอกจากนี้โรคหลอดลมอักเสบยังเกิดจาก การสูบบุหรี่ หรือได้รับควันบุหรี่ รวมไปถึงมลภาวะทางอากาศ ฝุ่น

 

 

โรคหลอดลมอักเสบชนิดเฉียบพลัน

 

โรคหลอดลมอักเสบชนิดเฉียบพลัน (Acute Bronchitis)  มักเกิดจากเชื้อไวรัสเหมือนไข้หวัด จึงเกิดการติดเชื้อลามลงไปถึงหลอดลม ผู้ป่วยโรคหลอดลมอักเสบชนิดเฉียบพลัน มักจะมีอาการเป็นหวัด และไอมีเสมหะเป็นระยะเวลามากกว่า 1 สัปดาห์

 

 

โรคหลอดลมอักเสบชนิดเรื้อรัง

 

โรคหลอดลมอักเสบชนิดเรื้อรัง (Chronic Bronchitis)  อาจเกิดจากโรคภูมิแพ้ โรคหืด รวมถึงการสูบบุหรี่เป็นระยะเวลานาน หรือสัมผัสกับมลภาวะ เช่น ฝุ่น ควัน ผู้ป่วยโรคหลอดลมอักเสบชนิดเรื้อรัง มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียได้ง่ายขึ้น เสมหะอาจจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง หรือสีเขียว

 

 

อาการของโรคหลอดลมอักเสบ

 

  • ไอแห้ง หรือไอมีเสมหะ คล้ายกับโรคหวัด มักหายได้เองภายใน 7-10 วัน แต่ไอแห้งมักจะเป็นได้หลายสัปดาห์

 

  • มีเสมหะ มีทั้งเสมหะแบบไม่มีสี หรืออาจมีเสมหะสีเหลือง สีเขียว บางรายอาจมีเลือดปนอยู่ด้วย

 

  • หายใจลำบาก หอบเหนื่อย หายใจมีเสียงหวีด หรือมีอาการแน่นหน้าอก

 

  • ไข้ มีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวก่อน ซึ่งผู้ป่วยอาจมีไข้ หรือไม่มีไข้ก็ได้

 

 

การรักษาโรคหลอดลมอักเสบ

 

โรคหลอดลมอักเสบชนิดเฉียบพลัน มักจะหายได้เอง ภายใน 7-10 วัน  ถ้าปฏิบัติตนถูกต้อง 

 

  • พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำอุ่นบ่อยๆ

 

  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ รวมทั้งหลีกเลี่ยงควัน ฝุ่น กลิ่นฉุน และสารเคมีต่างๆ เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบในหลอดลมมากขึ้น

 

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสอากาศอากาศเย็น เช่น การดื่มน้ำเย็น อาบน้ำเย็น หรือการใช้เครื่องปรับอากาศ และพัดลมไม่ควรที่จะสัมผัสโดยตรง เพราะอากาศที่เย็นสามารถทำให้ร่างกายอ่อนแอ  ภูมิต้านทานลดลง กระตุ้นเยื่อบุหลอดลมให้อักเสบ ส่งผลให้มีอาการไอมากขึ้นได้

 

  • ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย  เช่น นอนห่มผ้า ใส่เสื้อหนาๆ และกางเกงขายาว

 

  • โรคหลอดลมอักเสบชนิดเรื้อรัง ควรหาสาเหตุ และรักษาตามสาเหตุ  อาจให้ยาลดการอักเสบของหลอดลม ยาขยายหลอดลม

 

 

Bronchitis

 

 

การป้องกันโรคหลอดลมอักเสบ

 

โรคหลอดลมอักเสบชนิดเฉียบพลัน

 

หลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานต่ำลง ได้แก่

      

  • ความเครียด

      

  • นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ

      

  • สัมผัสอากาศที่เย็น

 

  • ออกกำลังกายที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น อย่างน้อยวันละ 30 นาที  อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน

 

โรคหลอดลมอักเสบชนิดเรื้อรัง 

 

หลีกเลี่ยงสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เช่น

 

  • การสูบบุหรี่

 

  • ควัน

 

  • ฝุ่น

 

  • กลิ่นฉุน

 

  • สารเคมีต่างๆ

 

 

โรคหลอดลมอักเสบ หากได้รับการรักษาไม่ถูกต้อง สามารถเกิดภาวะแทรกซ้อน การติดเชื้อจากหลอดลมอาจลามไปที่ปอด ทำให้เกิดปอดอักเสบ (Pneumonia) และโรคถุงลมโป่งพองได้



 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

 

 

โปรแกรมตรวจสุขภาพปอด