การตรวจสุขภาพก่อนเข้าเรียนและก่อนเข้างาน คือ การเตรียมตัวความพร้อมในด้านสุขภาพกายในช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเข้าทำงาน หรือการเข้าเรียนมหาวิทยาลัย การตรวจสุขภาพจึงมีความจำเป็นเพื่อการันตีความพร้อมในการเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ โดยพื้นฐานทั่วไปมักตรวจอยู่ที่ประมาณ 7 รายการ ได้แก่ ตรวจเอกซเรย์ปอด ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ตรวจหาหมู่เลือด ตรวจตาบอดสี เป็นต้น
การเข้าทำงาน หรือการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยนั้นมีความสำคัญไม่ใช่แค่ต่อตัวเราเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญต่อผู้ประกอบการ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องในด้านการศึกษาโดยตรงด้วย เพราะการที่มหาวิทยาลัย หรือสถานที่ทำงานรับบุคคลเข้าเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรนั้นจำเป็นต้องมั่นใจว่าบุคลากร หรือนักศึกษาที่เข้ามาใหม่จะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง พร้อมที่จะเรียนรู้ และสร้างคุณประโยชน์ให้กับองค์กรนั้น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ดังนั้นองค์กร หรือสถานศึกษาต่าง ๆ จึงต้องมีการให้บุคลากร หรือนักศึกษาตรวจสุขภาพ การตรวจสุขภาพก่อนเข้าองค์กรหนึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะเป็นกฎระเบียบพื้นฐานขององค์กรโดยทั่วไปอยู่แล้ว
ไม่เพียงแต่เท่านั้น การตรวจสุขภาพยังมีความสำคัญต่อทุกคน เนื่องจากยังมีอีกหลายคนที่ในช่วงชีวิตหนึ่งไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ตรวจสุขภาพมากพอ ดังนั้นการตรวจสุขภาพก่อนเข้างาน หรือก่อนเข้ามหาวิทยาลัยจึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ตรวจสุขภาพเบื้องต้นเพื่อตรวจหาโรคที่อาจซ่อนอยู่ในร่างกาย และทำให้เรารู้จักร่างกายของตนเองมากยิ่งขึ้น
การตรวจสุขภาพของแต่ละองค์กร และแต่ละสถานศึกษาจะมีรายการตรวจแตกต่างกันไป แต่โดยพื้นฐานทั่วไปมักตรวจอยู่ที่ประมาณ 7 รายการ ซึ่งเป็นการตรวจหาปัจจัยเสี่ยงพื้นฐานสำคัญที่มักใช้ประกอบการพิจารณาหลังจากสัมภาษณ์งาน หรือสัมภาษณ์เรียนผ่านแล้ว ได้แก่ ตรวจเอกซเรย์ปอด ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ตรวจหาหมู่เลือด ตรวจปัสสาวะ ตรวจสุขภาพโดยแพทย์ ตรวจวัดสายตาด้วยคอมพิวเตอร์ ตรวจตาบอดสี เป็นต้น ซึ่งเป็นไปได้ว่าถ้าหากผลตรวจพบว่าพนักงานหรือนักศึกษาผู้นั้นมีความเสี่ยงสูงก็อาจเสนอให้ตรวจอย่างละเอียดแบบเจาะจงอีกครั้ง ในกรณีของพนักงานอาจจะพิจารณาจากผลตรวจเดิมแล้วปฏิเสธบุคคลนั้นทันที แต่ในกรณีของนักศึกษาอาจจะยังสามารถเข้ารับการศึกษาได้อยู่
การตรวจสุขภาพก่อนเริ่มงาน หรือเข้าเรียนจะเป็นการได้รับประโยชน์แบบ Win-Win ทั้งคู่ ไม่มีใครต้องเสียเปรียบ เพราะในมุมมองของบริษัท หรือสถานศึกษาก็จะได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือเป็นหลักประกันว่าพนักงาน หรือนักศึกษาคนนั้นจะไม่นำโรคร้ายต่าง ๆ ไปแพร่เชื้อ หรือไปแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อบุคคลอื่นในกรณีที่ตรวจพบสารเสพติด ซึ่งจะส่งผลเสียต่อภาพรวมของบริษัท และสถานศึกษา
ส่วนในมุมมองของพนักงานและนักศึกษาที่ตรวจสุขภาพก็จะได้ทราบว่าตนเองมีภาวะเสี่ยงที่จะเป็นโรคอะไรบ้างจะได้รักษาได้ทันท่วงที ซึ่งคนส่วนใหญ่มักละเลยต่อการตรวจสุขภาพเป็นประจำ ถือว่าเป็นโอกาสสำคัญที่ให้เราหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพก่อนจะลุกลามจนเกินเยียวยา
บางคนอาจมีเหตุผลส่วนตัวที่ไม่อยากตรวจสุขภาพจึงเกิดคำถามว่า ไม่ขอตรวจสุขภาพได้หรือไม่ คำตอบคืออาจจะต้องเจรจากับทางบริษัท หรือสถานศึกษาว่าเพราะเหตุใดจึงไม่ประสงค์จะตรวจสุขภาพ เพราะโดยตัวบทกฎหมายแล้วการตรวจสุขภาพไม่เป็นที่บังคับ แต่ถึงกฎหมายไม่บังคับก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถบังคับให้ตรวจสุขภาพไม่ได้ บริษัทมีสิทธิตั้งกฎให้ว่าที่พนักงานบริษัททุกคนตรวจสุขภาพ ซึ่งทางบริษัทอาจปฏิเสธโดยชอบธรรมถ้าหากพนักงานไม่ตรวจสุขภาพ เพราะกระบวนการสมัครยังไม่สิ้นสุดตามเกณฑ์ของบริษัทถ้าปราศจากการตรวจสุขภาพ ดังนั้นถ้ามีการยื่นเหตุผลกับทางบริษัทว่าทำไมไม่ตรวจสุขภาพ แต่ทางบริษัทปฏิเสธที่จะรับบุคคลนั้นเข้าทำงานก็ไม่ถือว่าบริษัทมีความผิดแต่อย่างใด ในกรณีของสถานศึกษาก็ไม่มีกฎหมายบังคับให้นักศึกษาตรวจสุขภาพเช่นกัน แต่หากปฏิเสธจะเป็นการผิดกฎระเบียบของสถานศึกษาซึ่งอาจมีผลต่อการพิจารณาเข้ารับการศึกษานั่นเอง
ค่าใช้จ่ายของการตรวจสุขภาพจะมีขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลแต่ละแห่ง โดยจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 500-2,000 บาท โดยทางโรงพยาบาลเพชรเวชมีโปรแกรมตรวจสุขภาพก่อนเข้างาน และตรวจสุขภาพก่อนเข้าเรียนเพื่อรองรับความต้องการของผู้ที่ต้องการให้คนในองค์กรแข็งแรง พร้อมทั้งให้คำแนะนำด้วยทีมแพทย์ที่มีคุณภาพ
บทความที่เกี่ยวข้อง
แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง
____________________________________
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม