ในปัจจุบันปัญหา Sexual Harassment หรือการคุกคามทางเพศมักมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นภายในโรงเรียน หรือสถานประกอบการที่ผู้มีอำนาจมักจะใช้ช่องว่างนี้เอาเปรียบผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชา อีกทั้งสังคมไทยยังไม่เข้าใจ และมองว่าการคุกคามทางเพศไม่ใช่ปัญหาจึงคิดว่าเป็นเรื่องปกติ เมื่อเกิดเหตุขึ้นอาจแก้ไขปัญหาด้วยการพูดคุยเจรจาไกล่เกลี่ย แต่การคุกคามทางเพศอาจนำไปสู่ปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศได้ ดังนั้นเราจึงควรทำความเข้าใจ Sexual Harassment และเรียนรู้วิธีป้องกันตนเองเพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าหมายของการคุกคามทางเพศ
Sexual Harassment คือ การกระทำที่มีเจตนาไม่ดีต่อเพศตรงข้าม หรือเพศเดียวกันเพื่อผลประโยชน์ในการร่วมรัก โดยไม่ได้รับการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจอยู่ในรูปแบบของหลายประการ ดังนี้
ไม่ว่าจะเพศชาย หรือเพศหญิงอาจตกเป็นเหยื่อของ Sexual Harassment ได้ทั้งนั้น และสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายมากในยุคดิจิทัลที่ใคร ๆ สามารถเข้าถึงได้ เมื่อเกิดเหตุขึ้นคนที่ถูกกระทำมักจะไม่ค่อยออกมาบอก หรือแจ้งความเอาผิดผู้กระทำ เพราะสังคมไทยจะมีความเชื่อ และมีวิธีคิดที่ประหลาด คือจะมีการคิดว่าผู้เสียหายเป็นฝ่ายผิด โยนความผิดให้ผู้ถูกกระทำว่าเป็นคนไม่ดี หรือกล่าวโทษเหยื่อ (Victim Blaming) อย่างในกรณีถูกข่มขืน จะมีการตั้งคำถามว่า “แต่งตัวแบบไหนถึงโดนข่มขืน” “ทำไมถึงเอาตัวเองเข้าไปในที่เสี่ยง” “ทำไมถึงไม่ระวังตัวเอง” คำถามจากสังคมเหล่านี้ล้วนทำให้ผู้เสียหายไม่กล้าออกมาเรียกร้อง เพราะรู้ว่าถ้าออกมาแล้วจะถูกตั้งคำถาม ทำให้ผู้ถูกกระทำรู้สึกมีบาปติดตัว โทษตัวเอง และเกิดปัญหาด้านสุขภาพจิตตามมา
Sexual Harassment จึงไม่ใช่ตราบาป ผู้ที่ถูกกระทำไม่ควรเรียกตัวเองว่า “เหยื่อ” แต่ควรออกมาพูด ออกมาเผชิญหน้าเพื่อลงโทษผู้กระทำผิด และยังเป็นส่วนช่วยสังคมไม่ให้ผู้กระทำผิดก่อเหตุกับคนอื่นได้อีกด้วย
การป้องกันตนเองไม่ให้โดน Sexual Harassment
ปัญหา Sexual Harassment ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว และไม่ใช่ปัญหาไกลตัว หากคนในสังคมไม่เปลี่ยนความคิด หรือไม่ปลูกฝังให้คนมีจิตสำนึก และให้เกียรติทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ปัญหาเหล่านี้จะยังคงเกิดขึ้นกับลูกหลานของเรา และอาจจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคตอันใกล้นี้