จากมะเร็งทั้งหมดที่มีมากมายหลายชนิด มะเร็งเต้านมถือว่าเป็นมะเร็งที่ผู้หญิงมีโอกาสเป็นมากที่สุดอันดับหนึ่ง เมื่อเป็นแบบนี้เราไม่สามารถมองข้ามมะเร็งชนิดนี้ได้ วันนี้เราจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับโรคร้ายนี้กัน
โดยปกติแล้ว มักเกิดขึ้นในเพศหญิงเนื่องจากมีพฤติกรรม และวิถีชีวิตที่สุ่มเสี่ยงโรคนี้ ซึ่งอาจรวมไปถึงผู้หญิงที่ยังไม่เคยมีบุตรด้วย นอกจากนี้ยังสามารถเกิดได้จากปัจจัยที่ไม่อาจปฏิเสธได้ เช่น พันธุกรรม หรือระบบภูมิคุ้มกัน ดังนั้นโอกาสที่จะเป็นโรคนี้จึงมีด้วยกันหลายทาง โดยเมื่อเนื้อเยื่อในเต้านมเกิดการติดเชื้อ และกลายเป็นเชื้อมะเร็งจนพัฒนาเป็นเนื้อร้ายได้ในที่สุด นอกจากนี้ยังสามารถแพร่เชื้อร้ายไปยังอวัยวะใกล้เคียงได้อีกด้วย ส่วนใหญ่อวัยวะที่เกิดเชื้อมะเร็งเต้านม มักเกิดบริเวณท่อน้ำนมและต่อมผลิตน้ำนมมากกว่าจุดอื่น
ในระยะแรกของมะเร็งทุกชนิดรวมถึงมะเร็งเต้านม มักไม่แสดงอาการใดออกมาให้เราสังเกตเห็น แต่เราสามารถตรวจได้ด้วยการคลำหาก้อนเนื้อบริเวณเต้านม หรือใกล้รักแร้ รวมไปถึงการเกิดความผิดปกติกับเต้านม เช่น มีของเหลวสีเหลืองหรือสีเหมือนเลือดไหลออกมาจากเต้า
มะเร็งเต้านมแบ่งออกได้ 4 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1 เซลล์เริ่มผิดปกติ หากมีก้อนเนื้อจะมีขนาดใหญ่ไม่เกิน 2 เซนติเมตร โดยเชื้อมะเร็งอาจยังไม่แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น
ระยะที่ 2 ในระยะนี้ก้อนเนื้อจะมีขนาดใหญ่กว่าเดิม และยังสามารถแพร่ไปยังอวัยวะใกล้เคียงได้ คือ ต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้กับบริเวณรักแร้
ระยะที่ 3 เชื้อมะเร็งที่เต้านมขยายออกไปเป็นบริเวณกว้าง และขนาดของก้อนเนื้อใหญ่ขึ้นแต่ไม่เกิน 5 เซนติเมตร โดยเชื้อมะเร็งจะแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองมากกว่าระยะที่ 2
ระยะที่ 4 ในระยะนี้เชื้อจะสามารถแพร่เข้าสู่กระแสเลือดได้แล้ว ดังนั้นเชื้อมะเร็งจะสามารถแพร่ไปยังอวัยวะอื่น ๆ ได้ เช่น ปอด กระดูก ตับ เป็นต้น หากผู้ป่วยดำเนินมาถึงในระยะนี้ จะไม่สามารถรักษาจนหายขาดได้แล้ว
การถ่ายทอดทางพันธุกรรม หากพบประวัติว่ามีบุคคลในครอบครัวเคยเป็นมะเร็งเต้านม
อายุที่เพิ่มมากขึ้น โดยเพศหญิงที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป จะยิ่งมีความเสี่ยงต่อโรคนี้เพิ่มขึ้น
เมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนแล้วมีการใช้ฮอร์โมนทดแทน
พบประวัติว่าเคยเป็นมะเร็งรังไข่
พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ได้รับรังสีในปริมาณมาก ออกกำลังกายน้อย โรคอ้วน ดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น
ผู้ป่วยอาจมีความเสี่ยงจากการรักษาโรคร้ายนี้ เนื่องด้วยวิธีรักษาจะมีผลต่อร่างกายด้วย เช่น มีอาการอ่อนเพลีย ทานอาหารได้น้อย อารมณ์ไม่คงที่ เป็นต้น นอกจากนี้ยังเสี่ยงเกิดภาวะต่อมน้ำเหลืองบวมเนื่องจากต่อมดังกล่าวมีการอุดตัน และจากที่กล่าวไปว่าเชื้อมะเร็งสามารถแพร่กระจายไปยังอวัยวะในร่างกายผ่านทางกระแสเลือดได้ด้วย
การตรวจเลือด
การตรวจชิ้นเนื้อทางพยาธิวิทยา
การตรวจทางรังสีวิทยา เช่น การใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อถ่ายภาพเต้านม การใช้เครื่องถ่ายภาพรังสีเต้านม การใช้คลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อถ่ายภาพเต้านม เป็นต้น
การตรวจเพิ่มเติม เช่น ตรวจการลุกลามของมะเร็งที่ลามไปยังกระดูก การถ่ายภาพเอกซเรย์ทรวงอก การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เป็นต้น
การรักษาจะเป็นไปตามระยะของโรค โดยสามารถแบ่งวิธีรักษาได้ดังนี้
การผ่าตัด เป็นวิธีรักษาสำหรับผู้ที่มีอาการในระยะเริ่มต้น โดยแพทย์จะพิจารณาอย่างละเอียดว่าควรจะผ่าตัดแบบตัดเต้านมออกทั้งหมด หรือผ่าตัดแบบสงวนเต้า โดยจะตัดออกเฉพาะบริเวณที่เป็นมะเร็งเท่านั้น
การฉายแสง เป็นการฉายรังสีเข้าไปบริเวณก้อนมะเร็งเพื่อป้องกันไม่ให้เซลล์มะเร็งเติบโต มักจะเป็นการรักษาที่ใช้ร่วมกับการผ่าตัดแบบสงวนเต้าในกรณีที่ก้อนมะเร็งมีขนาดใหญ่ และมีการกระจายไปที่ต่อมน้ำเหลืองด้วย
การใช้เคมีบำบัด หรือคีโม เป็นการบำบัดด้วยยาต้านฮอร์โมน และการให้ยาทำลายเซลล์มะเร็ง แต่วิธีการนี้จะทำให้อวัยวะส่วนอื่นได้รับผลกระทบไปด้วย ส่งผลให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และผมร่วงได้
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้น้ำหนักเกินมาตรฐาน
การให้นมบุตรด้วยตัวเองจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมได้
อีกหนึ่งวิธีที่สามารถป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมได้ คือการสังเกตอาการ การตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตัวเอง การตรวจแมมโมแกรม และอัลตราซาวด์เต้านม เป็นต้น
การตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตัวเอง หรือการคลำเต้านม มีวิธีการปฏิบัติ ดังนี้
การสังเกตตัวเองหน้ากระจก เป็นการตรวจดูลักษณะ ขนาด รูปร่าง และสีผิวของเต้านมทั้งสองข้างว่ามีความผิดปกติหรือไม่ วิธีนี้ควรสังเกตเพื่อเปรียบเทียบอาการ แต่ต้องสังเกตเป็นระยะเวลานานนับเดือน
ท่านอนราบ เป็นวิธีที่ต้องนอนราบด้วยท่าทางสบาย แล้วยกแขนข้างที่จะตรวจขึ้น จากนั้นใช้นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนางของมืออีกข้างคลำให้ทั่วเต้านมและบริเวณรักแร้ แต่ไม่ควรบีบเนื้อเต้านมเพราะอาจจะทำให้เข้าใจผิดว่าคลำเจอก้อนเนื้อ เมื่อเสร็จแล้วให้เปลี่ยนไปคลำอีกข้าง
ตรวจขณะอาบน้ำ สำหรับผู้หญิงที่มีเต้านมเล็กให้ยกแขนข้างที่จะตรวจขึ้นเหนือศีรษะ แล้วใช้มืออีกข้างคลำเหมือนท่านอนราบ ส่วนผู้หญิงที่มีเต้านมใหญ่ ให้ใช้มือข้างหนึ่งตรวจคลำจากด้านล่าง และใช้มืออีกข้างหนึ่งตรวจคลำจากทางด้านบน
มะเร็งเต้านมไม่ได้มีวัคซีนป้องกันเหมือนมะเร็งปากมดลูก ดังนั้นการหมั่นตรวจเต้านมด้วยตัวเอง จึงเป็นการป้องกันการเกิดโรคร้ายได้ในระดับหนึ่ง หากท่านสงสัย หรือลองสังเกตตนเองแล้วรู้สึกว่ามีอาการผิดปกติ ควรเข้าพบแพทย์เพื่อวินิจฉัย หากเกิดอะไรขึ้น จะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
โปรแกรมตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม (Digital Mammogram with Ultrasound)
จริงหรือไม่ ผู้ชายก็สามารถเป็นโรคมะเร็งเต้านมได้