มะเร็งตับ
มะเร็งตับ อีกหนึ่งความน่ากลัวที่ไม่ควรละเลย

 

มะเร็งตับ เป็นโรคที่มีอัตราการเสียชีวิตค่อนข้างสูง เนื่องจากโรคนี้จะไม่แสดงอาการผิดปกติตั้งแต่ระยะแรก นอกจากไปตรวจสุขภาพหรือตรวจคัดกรองมะเร็งตับเท่านั้นถึงจะเจอก้อนเนื้อร้าย ทั้งนี้ หากผู้ป่วยตรวจพบก่อนเกิดการลุกลาม ประสิทธิภาพในการรักษาที่จะทำให้หายขาดมีโอกาสสูง เนื่องจากเซลล์มีขนาดเล็ก อาจไม่ต้องถึงขั้นผ่าตัด แต่ต้องขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งการดูแลสุขภาพ มาตามนัดหมายหรือปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดหรือไม่

 

 

มะเร็งตับเกิดจากสาเหตุใด ?

 

  • ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี, ซี หรือพยาธิใบไม้ตับ

 

  • ตับอักเสบที่เกิดจากภาวะภูมิแพ้ตนเอง

 

  • กรรมพันธุ์

 

 

  • การใช้ยาบางชนิดที่ส่งผลข้างเคียงต่อตับ

 

 

พักผ่อนไม่เพียงพอ

 

 

  • พักผ่อนไม่เพียงพอ, ภูมิคุ้มกันในร่างกายไม่แข็งแรง

 

  • โรคประจำตัวของผู้ป่วย เช่น เบาหวาน ตับแข็ง ภาวะไขมันพอกตับ โรคตับคั่งน้ำดี โรคตับคั่งไขมันที่เกิดจากภาวะอ้วน เป็นต้น

 

  • รับประทานผักและผลไม้น้อยเกินไป

 

 

มะเร็งตับ มีอาการอย่างไร ? 

 

ในระยะแรก อาจจะไม่แสดงความผิดปกติออกมา แต่หากเกิดการลุกลามแล้ว จะมีอาการดังนี้

 

  • เป็นไข้, อ่อนเพลีย

 

  • เบื่ออาหาร, น้ำหนักลด

 

 

ท้องอืด

 

 

  • ท้องอืด, แน่นท้อง

 

  • ปวด จุก เสียดชายโครงด้านขวา

 

 

  • บริเวณขาและหน้าท้องเกิดการบวม

 

  • ปัสสาวะมีสีเข้มจัด

 

 

ระยะของมะเร็งตับ

 

  • ระยะที่ 1 ก้อนมะเร็งจะมีขนาดเล็กไม่เกิน 2 เซนติเมตร 

 

  • ระยะที่ 2 คล้ายกับระยะแรกแต่มีไม่เกิน 3 ก้อน 

 

  • ระยะที่ 3 มีการเพิ่มตัวของก้อนมะเร็ง รวมทั้งมีขนาดใหญ่ขึ้น

 

  • ระยะที่ 4 เกิดการลุกลามเข้าไปยังเนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียงกับตับ เข้าสู่หลอดเลือดดำในช่องท้อง จากนั้นไปยังต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้ตับ และมีการแพร่กระจายตามกระแสโลหิต

 

  • ระยะสุดท้าย ตับไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ป่วยมีสุขภาพเสื่อมโทรม นอนติดเตียง ต้องมีคนช่วยดูแลอย่างใกล้ชิด หากปล่อยไว้จนมาถึงระยะนี้ อาจมีโอกาสเสียชีวิตได้

 

 

กลุ่มเสี่ยงมะเร็งตับ

 

 

ผู้ที่ดื่มสุราเป็นประจำ

 

 

  • ผู้ที่ดื่มสุราเป็นประจำ และในปริมาณมาก

 

  • ผู้ป่วยที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบบีกับซี

 

  • ผู้ใช้ยาที่มีผลเสี่ยงต่อตับเป็นประจำ

 

  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ผู้ที่เป็นภาวะไขมันพอกตับหรือตับแข็ง เป็นต้น 

 

 

ภาวะแทรกซ้อนของมะเร็งตับ

 

มะเร็งตับอาจมีภาวะแทรกซ้อน คือ ตับวายที่อาจส่งผลให้ตับสูญเสียการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และอาจส่งผลให้การเกิดเสียชีวิตได้

 

 

การวินิจฉัยมะเร็งตับ

 

  • ตรวจเลือดหาระดับของสารแอลฟาฟีโตโปรตีน หรือ AFP ซึ่งเป็นสารบ่งบอกว่าผู้ตรวจเป็นมะเร็งหรือไม่

 

  • การใช้เทคโนโลยีเครื่องมือรังสีทางการแพทย์ เช่น อัลตราซาวด์, CT Scan หรือ MRI เป็นต้น

 

  • การฉีดสารทึบแสงเข้าเส้นเลือดแดง

 

  • การตัดชิ้นเนื้อเพื่อตรวจทางพยาธิวิทยา

 

 

การรักษามะเร็งตับ

 

  • การรักษาโดยวิธีการทำลายเนื้อเยื่อของมะเร็งตับ 

 

  • การรักษาทางรังสีวิทยา

 

  • การฉายรังสีจากบริเวณภายนอกลำตัว

 

  • การรักษาผ่านภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย

 

  • การรักษาด้วยยา 

 

  • การผ่าตัด เช่น การผ่าตัดออกบางส่วนหรือการผ่าตัดปลูกถ่ายตับ เป็นต้น

 

 

การป้องกันมะเร็งตับ

 

  • ควบคุมปริมาณ หรือหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์

 

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารพิษ เช่น สาร Aflatoxins เป็นต้น

 

  • เข้ารับการรักษาโรคทางพันธุกรรมที่อาจเป็นสาเหตุส่งผลให้เกิดมะเร็งตับ

 

 

ตรวจสุขภาพ

 

 

  • การเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อเป็นการค้นหาและป้องกันโรคที่ซ่อนอยู่ในร่างกาย

 

  • การฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีและซี

 

 

ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น นอนน้อย, ดื่มสุราในปริมาณมากเป็นประจำ, ใช้ยาบางชนิดที่มีผลต่อตับอยู่เป็นประจำ กลุ่มบุคคลเหล่านี้ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ ยิ่งไม่มีอาการแต่ยังใช้ชีวิตประจำวันอย่างไม่ใส่ใจสุขภาพ อาจส่งผลเสียต่อตัวท่านและบุคคลรอบข้างได้ เพราะฉะนั้น ทุกท่านควรเข้ารับการตรวจสุขภาพ เพื่อค้นหาความเสี่ยงภายในร่างกาย หากพบโรคร้ายตั้งแต่เนิ่น ๆ จะทำให้การรักษายิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น



 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

 

ศูนย์ตรวจสุขภาพ

 

วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ

 

ไวรัสตับอักเสบ และตับแข็งความสัมพันธ์สู่มะเร็งตับ