ครรภ์เป็นพิษ
รู้เท่าทันครรภ์เป็นพิษ ภาวะที่คุณแม่ทุกคนควรระวัง

 

“การตั้งครรภ์” เป็นช่วงเวลาที่สวยงามและสำคัญที่สุดของสุภาพสตรีอีกช่วงหนึ่ง คุณแม่ทุกคนล้วนต้องการให้ลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง, คลอดง่าย และภาวนาให้ไม่มีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้นกับลูกในครรภ์ แต่มีคุณแม่จำนวนไม่น้อยที่ต้องเสี่ยงกับภาวะครรภ์เป็นพิษ (Preeclampsia) ซึ่งภาวะดังกล่าวนี้หากคุณแม่ไม่สังเกตอาการของตนเอง อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อทั้งตัวคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ได้ 

 

 

ภาวะครรภ์เป็นพิษคืออะไร?

 

ภาวะครรภ์เป็นพิษ คือภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะช่วงตั้งครรภ์ หรือช่วงหลังคลอด สาเหตุของการเกิดครรภ์เป็นพิษนั้นยังไม่แน่ชัด โดยมีข้อสมมติฐานต่าง ๆ ที่ทางแพทย์คาดเดาไว้ เช่น

 

  • เกิดจากรกทำงานผิดปกติ ทำให้มีสารบางชนิดกระตุ้นให้หลอดเลือดหดตัวอย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดความดันโลหิตสูงกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท

 

  • เกิดจากความผิดปกติของการฝังตัวของรกบริเวณผนังมดลูก จนทำให้ออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงทารกในครรภ์ไม่เพียงพอ และเกิดการหลั่งสารพิษบางอย่างเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ส่งผลเสียต่อคุณแม่ตั้งครรภ์และลูกน้อย จนอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมาได้

 

  • เกิดจากภาวะโปรตีน หรือไข่ขาวรั่วออกมาปะปนอยู่ในปัสสาวะ

 

 

อาการของภาวะครรภ์เป็นพิษ

 

  • ปวดศีรษะ, ตาพร่ามัว 

 

  • รู้สึกคลื่นไส้ และอาเจียน

 

  • รู้สึกปวดที่บริเวณใต้ลิ้นปี่ 

 

  • น้ำหนักตัวขึ้นเร็วผิดปกติ, บวมตามใบ้หน้า, มือ และเท้า

 

ความดันโลหิตสูง

 

 

  • หากมีอาการรุนแรงอาจมีอาการชัก, เลือดออกจากช่องคลอด หรือทารกในครรภ์มีการดิ้นน้อยลง เป็นต้น ถ้าเกิดอาการเหล่านี้ขึ้น ควรรีบพาคุณแม่เข้าพบแพทย์ทันที

 

 

ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดภาวะครรภ์เป็นพิษขึ้น

 

  • เกิดจากกรรมพันธุ์ หากพบว่ามีคนในครอบครัวเคยเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษมาก่อน

 

สตรีตั้งครรภ์อายุ35ปีขึ้นไป

 

 

  • โรคอ้วน หรือน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน 

 

  • สตรีที่ตั้งครรภ์ครั้งแรก 

 

  • สตรีที่ตั้งครรภ์ฝาแฝด หรือตั้งครรภ์มากกว่า 1 คน

 

  • สตรีที่เคยเกิดภาวะนี้ในตอนตั้งครรภ์ครั้งที่ผ่านมา 

 

  • สตรีที่มีบุตรยาก

 

  • มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน, โรคไทรอยด์, โรคไต, โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น

 

 

ระดับความรุนแรงของภาวะครรภ์เป็นพิษ

 

ภาวะครรภ์เป็นพิษแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่

 

ระดับไม่รุนแรง 

 

คุณแม่จะมีความดันโลหิตสูง 140/90-160/110 มิลลิเมตรปรอท แต่จะไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนใดขึ้น

 

ระดับรุนแรง 

 

คุณแม่จะมีความดันโลหิตสูงกว่า 160/110 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป และเริ่มมีภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เกิดขึ้น เช่น ตับอักเสบ, เกล็ดเลือดต่ำ, ไตทำงานน้อยลง รวมถึงเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตก

 

ระดับอันตราย 

 

คุณแม่มีอาการชัก, เกร็ง และหมดสติ ซึ่งในระยะนี้จะต้องได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด เพราะอาจจะทำให้คุณแม่และลูกน้อยเสียชีวิตได้

 

 

ภาวะแทรกซ้อนจากครรภ์เป็นพิษ

 

  • คลอดก่อนกำหนด ในบางครั้งอันตรายจากครรภ์เป็นพิษอาจเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ต้องทำให้ตัดสินใจคลอดก่อนกำหนดเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับลูกน้อย และเมื่อคลอดก่อนกำหนดจะส่งผลต่อสุขภาพของทารกโดยตรง

 

  • รกลอก โดยรกอาจจะลอกหรือหลุดก่อนกำหนดได้ หากเป็นเช่นนั้นจะเกิดอาการเลือดออกอย่างมาก มีผลร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ทั้งผู้เป็นแม่และทารกในครรภ์

 

  • การเติบโตของทารกผิดปกติ ภาวะครรภ์เป็นพิษส่งผลให้เด็กทารกรับสารที่จำเป็นได้น้อยลง เช่น สารอาหารและออกซิเจน ส่งผลให้เมื่อถึงกำหนดคลอด เด็กทารกอาจจะมีน้ำหนักตัวต่ำกว่ามาตรฐานได้

 

  • อาการชัก อาการนี้อันตรายเป็นอย่างมากต่อทารกในครรภ์และตัวคุณแม่ เนื่องจากอาการชักมักจะไม่แสดงอาการหรือส่งสัญญาณให้รู้ก่อน เมื่อคุณแม่เกิดอาการชักแพทย์จึงจำเป็นต้องยุติการตั้งครรภ์เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่

 

  • อาการ HELLP เป็นภาวะที่มีความรุนแรงอย่างมาก ส่งผลรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตอีกด้วย โดยจะเกิดความเสียหายจากอวัยวะหลายจุด อาการดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่มีสัญญาณเตือนที่สามารถสังเกตได้เช่นกัน หากเกิดอาการขึ้นจะสามารถสังเกตเบื้องต้นได้ เช่น ปวดศีรษะ, อาเจียน, คลื่นไส้ เป็นต้น

 

  • ความเสียหายต่ออวัยวะส่วนอื่น ร่างกายของผู้เป็นแม่สามารถเสียหายได้หลายจุด เช่น หัวใจ, ปอด, ตับและไต เป็นต้น ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้น จะแปรผันตามความรุนแรงของภาวะครรภ์เป็นพิษนั่นเอง

 

 

การวินิจฉัยภาวะครรภ์เป็นพิษ

 

  • การตรวจสุขภาพเบื้องต้น แพทย์จะซักถามประวัติทางการแพทย์กับผู้ป่วยและครอบครัว จากนั้นจะทำการตรวจดูว่ามีอาการผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่ เช่น สายตาพร่ามัวมองไม่ชัดเจนเหมือนปกติ หรือมีอาการปวดศีรษะต่อเนื่อง เป็นต้น 

 

  • การตรวจเลือด ทำให้ทราบถึงปริมาณของเกล็ดเลือด หรือการทำงานของตับและไต 

 

  • การตรวจปัสสาวะ เพื่อหาไข่ขาวหรือโปรตีนจากปัสสาวะ ซึ่งหากตรวจพบโปรตีนภายในปัสสาวะ แพทย์จะส่งตัวอย่างปัสสาวะเข้าตรวจที่ห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันผล

 

ตรวจวัดความดันโลหิต

 

  • การตรวจวัดความดันโลหิต จะเป็นการตรวจวัดระดับความดันโลหิตเพื่อดูว่าคุณแม่เข้าข่ายจะเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษหรือไม่ ถ้าหากระดับของความดันโลหิตสูงกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท คุณแม่อาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษขึ้น โดยการตรวจวัดความดันโลหิต แพทย์อาจจะมีการตรวจหลายครั้ง ซึ่งจะใช้ระยะเวลาห่างกันอย่างน้อย 4 ชั่วโมง 

 

  • การตรวจสุขภาพของทารก เพื่อดูอัตราการเต้นของหัวใจเมื่อทารกเคลื่อนไหวหรือมีการดิ้น โดยแพทย์อาจพิจารณาใช้วิธีการอัลตราซาวด์เพื่อดูการเคลื่อนไหว, การหายใจ และการขยับกล้ามเนื้อของทารก เป็นต้น 

 

 

การรักษาภาวะครรภ์เป็นพิษ

 

การรักษาภาวะดังกล่าวมีเพียงวิธีเดียวคือการคลอด ซึ่งการคลอดแพทย์จะทำการตรวจวัดตามความเหมาะสม เช่น ระยะเวลาของการตั้งครรภ์, ความแข็งแรงของคุณแม่, ความรุนแรงของอาการต่าง ๆ โดยแพทย์จะพยายามคอยดูแลคุณแม่และลูกในครรภ์จนกว่าจะถึงระยะเวลาที่สมควร นอกจากนี้หากคุณแม่มีอายุครรภ์ 37 สัปดาห์หรือมากกว่า จะสามารถผ่าคลอดหรือทำการเร่งคลอดทารกได้ทันที โดยมีจุดประสงค์เพื่อไม่ให้อาการครรภ์เป็นพิษรุนแรงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ เมื่อคุณแม่คลอดทารกออกมาแล้ว คุณแม่จะเริ่มมีอาการที่ดีขึ้นและหายจากภาวะดังกล่าวได้เอง 

 

  • ครรภ์เป็นพิษชนิดไม่รุนแรง คุณแม่สามารถกลับบ้านได้ตามปกติ แต่ต้องมาพบแพทย์ตามที่กำหนดไว้ เพื่อคอยตรวจร่างกายและเฝ้าระวังอาการของภาวะดังกล่าว นอกจากนี้คุณแม่ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำให้มาก ๆ และทานยาตามที่แพทย์กำหนดด้วย

 

  • ครรภ์เป็นพิษชนิดรุนแรง หากอยู่ในภาวะรุนแรง คุณแม่จำเป็นต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด โดยแพทย์จะคอยให้ยาที่จำเป็นต่อคุณแม่ และต้องคอยตรวจร่างกายรวมถึงปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อีกด้วย

 

 

การป้องกันภาวะครรภ์เป็นพิษ

 

  • ควรดื่มน้ำขั้นต่ำ 6 แก้ว/วัน

 

พักผ่อนให้เพียงพอ

 

  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

 

  • สามารถออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงได้ แต่ต้องปรึกษากับแพทย์เพื่อรับคำแนะนำก่อน

 

  • ไม่ทานอาหารที่มีรสเค็ม, โซเดียมและไขมันสูง, อาหารดอง และไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น

 

  • การฝากครรภ์ เพื่อพบแพทย์และตรวจร่างกาย รวมถึงเช็คความสมบูรณ์ของทารกในครรภ์ ตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนด 

 

 

ครรภ์เป็นพิษ คือภาวะที่อันตรายอย่างมากต่อคุณแม่และทารกในครรภ์ โดยอาจส่งผลถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้น ทางเราจึงแนะนำให้เข้าพบแพทย์ เพื่อรับการตรวจและคำแนะนำระหว่างตั้งครรภ์ หรือทำการฝากครรภ์เพื่ออยู่ในการดูแลของแพทย์ตลอดอายุการตั้งครรภ์ ถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วในการรับมือกับภาวะครรภ์เป็นพิษ



 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

 

โปรแกรมคลอด และฝากครรภ์

 

ครรภ์เสี่ยง อันตรายที่คุณแม่ทุกคนควรหลีกเลี่ยง

 

คนท้องห้ามกินอะไรบ้าง ?