โรคซึมเศร้า
โรคซึมเศร้า โรคที่คนไม่เศร้าต้องเข้าใจ

โรคซึมเศร้า (Depression) คือ โรคที่ส่งผลต่อความผิดปกติทางอารมณ์และความรู้สึก มักพบได้มากในเพศหญิง ผู้ป่วยโรคนี้จะมีความรู้สึกเศร้า รู้สึกไม่มีความหวัง และไม่สามารถหาทางออกได้ ถึงแม้ว่าความรู้สึกจากที่กล่าวมาทั้งหมดสามารถเกิดขึ้นเป็นปกติกับทุกคน แต่สำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจะไม่เหมือนกันผู้ป่วยอื่นเพราะมักมีอาการทางความรู้สึกที่หนักกว่า และสามารถส่งผลให้ใช้ชีวิตประจำวันด้วยความยากลำบาก โรคร้ายนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ชนิดเดียวเท่านั้น แต่ยังถูกแยกออกเป็นชนิดอื่นได้อีกด้วย ได้แก่

 

  • โรคซึมเศร้าหลังคลอดบุตร

  • โรคซึมเศร้าก่อนมีรอบเดือน

  • โรคซึมเศร้าตามฤดูกาล

  • โรคซึมเศร้าโรคจิต

 

สาเหตุของโรคซึมเศร้า

 

  • เกิดจากสมองที่ทำงานผิดปกติโดยเส้นประสาทอาจไม่สมดุลกัน หรือมีปัญหาในการทำงานประกอบกับปัจจัยอื่น ๆ ทางด้านความรู้สึก และอารมณ์

  • ลักษณะทางความคิด ความคิด และมุมมองต่อสิ่งต่าง ๆ ถือเป็นส่วนสำคัญของโรคซึมเศร้า หากมีทัศนคติในแง่ลบ อ่อนไหวต่อสิ่งรอบตัวได้ง่ายอาจส่งผลให้เป็นโรคซึมเศร้าได้

  • เหตุการณ์เลวร้ายที่ต้องเผชิญ ในบางครั้งการที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ส่งผลเสียต่อสภาพจิตใจเป็นเวลานาน และบ่อยครั้ง จนทำให้เกิดความรู้สึกเศร้า และสิ้นหวังก็สามารถทำให้เป็นโรคร้ายนี้ได้เช่นกัน

  • การใช้ยาบางชนิดอาจส่งผลให้เกิดโรคนี้ได้ เช่น สเตียรอยด์ ยาเบนโซไดอะซีปีน เป็นต้น ดังนั้นควรศึกษาหรือขอคำแนะนำจากแพทย์เกี่ยวกับตัวยา และผลข้างเคียงที่อาจได้รับ

  • โรคบางโรคอาจมีผลข้างเคียงที่นำไปสู่การเป็นโรคซึมเศร้า เช่น โรคหัวใจ โดยผู้ป่วยอาจมีอาการเศร้าจนทำให้ฟื้นตัวจากโรคได้ช้า อาการดังกล่าวอาจเป็นสาเหตุนำพาไปสู่โรคซึมเศร้าได้เช่นกัน

  • สามารถเกิดจากพันธุกรรมหากมีคนในครอบครัวเคยมีปัญหาหรือเป็นโรคทางด้านอารมณ์จะส่งผลให้มีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้ามากขึ้น

 

อาการของโรคซึมเศร้า

 

  • มองโลกในแง่ร้าย

  • มีอาการสิ้นหวัง ซึมเศร้า หดหู่

  • คิดฆ่าตัวตาย

  • รู้สึกไม่ค่อยมีแรง

  • มีความเชื่องช้าทั้งการเคลื่อนไหวของร่างกาย และการสนทนา

  • ชอบแยกตัว ไม่ต้องการเข้าร่วมสังคม

  • ขาดความสามารถในการตัดสินใจ

 

โรคซึมเศร้า


 

การวินิจฉัยโรคซึมเศร้า

 

แพทย์จะมีขั้นตอนในการตรวจสอบเริ่มจากตรวจสอบร่างกายเพื่อหาความผิดปกติ หรือโรคที่อาจนำพาไปสู่การเป็นโรคซึมเศร้าได้ หากมีการตรวจพบโรคที่เกี่ยวข้องจะสามารถรักษาได้ทัน ส่งผลให้โอกาสการเกิดโรคทางอารมณ์ลดลงตามไปด้วย ทั้งนี้การตรวจที่สำคัญด้วยเครื่องมือแพทย์ทั้ง CT Scan หรือตรวจ EKG หัวใจก็สามารถทำให้ได้รู้ผลที่ละเอียด และแม่นยำมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้แพทย์อาจใช้แบบประเมินผ่านการสอบถามถึงความรู้สึกหรืออาการในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนหน้าที่จะมาพบแพทย์ เพื่อเป็นข้อมูลในการวินิจฉัยโรคต่อไป โดยหากพบว่าผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าจริง แพทย์จะทำการรักษาตามความรุนแรงของโรคในขั้นตอนที่เหมาะสมต่อไป โดยการรักษาต้องใช้เวลา และปรับเปลี่ยนไปตามอาการของโรคด้วย

 

การรักษาโรคซึมเศร้า

 

  • การรักษาโรคซึมเศร้าด้วยยา ในอาการระดับปานกลางถึงขั้นรุนแรงจะเป็นการให้ยาต้านซึมเศร้า (Antidepressants) เช่น กลุ่มยา SSRIs (Selective serotonin reuptake inhibitors) และกลุ่มยา SNRIs (Serotonin-noradrenaline reuptake inhibitors) แต่การกินยามากเกินไปอาจจะมีผลข้างเคียงทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการวิตกกังวล กระวนกระวายใจ นอนไม่หลับ เมื่อยล้า และอาจส่งผลเสียไปถึงการเกิดภาพหลอนได้ จึงต้องมีการรักษาอย่างอื่นควบคู่ไปด้วย
     
  • การบำบัดพฤติกรรมและความคิด จะเป็นวิธีการรักษาที่ใช้เวลาค่อนข้างนาน โดยส่วนมากการบำบัดพฤติกรรมและความคิดจะรักษาควบคู่กันไปกับการกินยา วิธีการรักษาจะเป็นการ พูดคุยให้ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเปลี่ยนพฤติกรรมและมุมมองในการใช้ชีวิตให้เป็นในทางที่ดีขึ้น
     
  • การกระตุ้นเซลล์สมองและประสาท เป็นวิธีการที่ใช้กับผู้ป่วยอาการรุนแรงที่มีพฤติกรรมทำร้ายตัวเอง หรือมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย โดยจะมีการใช้กระแสไฟฟ้าปล่อยผ่านสมองของผู้ป่วยขณะที่ดมยาสลบอยู่ แต่การรักษาด้วยวิธีนี้อาจมีผลข้างเคียง ผู้ป่วยอาจจะมีอาการปวดหัว คลื่นไส้ ความจำเสื่อม และอาจเกิดอาการชักเป็นช่วง ๆ ในระหว่างการรักษา

 

การป้องกันโรคซึมเศร้า

 

ภาวะโรคซึมเศร้าเป็นโรคที่เกิดจากสาเหตุที่หลากหลายจึงไม่สามารถควบคุมได้ แต่การทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การออกกำลังกาย การออกไปเที่ยวนอกบ้าน และการรักษาสภาวะอารมณ์ของตัวเองให้เป็นปกติและมีชีวิตชีวา ไม่เก็บกดอารมณ์ความรู้สึกไว้กับตัวเองมากจนเกินไป การมองโลกในแง่ดีก็จะทำให้เราห่างไกลจากโรคซึมเศร้าได้ 

 

การทดสอบโรคซึมเศร้า

 

แพทย์จะถามคำถาม และประเมินอาการจากอารมณ์ความรู้สึก โดยจะใช้แบบสอบถามโรคซึมเศร้าที่อ้างอิงจากสมาคมจิตเวชศาสตร์สหรัฐอเมริกา (American Psychiatric Association) จำนวน 9 ข้อดังนี้

 

  • รู้สึกเศร้าตลอดเวลา หรือมีอารมณ์เศร้าเป็นส่วนใหญ่
  • หมดความสนใจกับสิ่งที่เคยสนุก หรือเคยสนใจมาก่อน
  • น้ำหนักลดลง หรือเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน โดยไม่ทราบสาเหตุ
  • นอนไม่หลับ หรือนอนหลับมากจนเกินไป
  • อ่อนเพลียไม่อยากทำอะไร
  • กระสับกระส่าย หรือเชื่องช้าทั้งความคิด และการเคลื่อนไหว
  • รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า และรู้สึกผิดตลอดเวลา
  • ไม่มีสมาธิ หรือมีปัญหาด้านการคิด และการตัดสินใจ
  • มีความคิดอยากฆ่าตัวตาย

 

หากผู้ป่วยมีอาการเข้าข่ายอย่างน้อย 5 ข้อ จาก 9 ข้อที่กล่าวไปนั้นเป็นเวลานานอย่างน้อย 2 สัปดาห์จึงจะระบุได้ว่ากำลังอยู่ในสภาวะโรคซึมเศร้า