หูตึง (Presbycusis) คือ อาการที่ไม่ค่อยจะได้ยินเสียงชัดเจน มักจะเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ สามารถเกิดขึ้นได้กับหูข้างเดียว หรือหูทั้งสองข้างก็ได้ ส่งผลให้มีปัญหาทางด้านการสื่อสาร
เกิดจากการเสื่อมของเซลล์ขนรับเสียง ในหูชั้นใน รวมทั้งประสาทบริเวณหูชั้นในสึกกร่อน ความเสื่อมจะค่อยๆ ลามไปถึงช่วงความถี่กลางซึ่งเป็นระดับของเสียงพูด ทำให้เริ่มฟังไม่ชัดเจน มักจะเกิดขึ้นกับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือด เป็นต้น
สามารถสังเกตได้ด้วยตนเองเสียงจากกระซิบในระยะ 10 เซนติเมตร หรือยกมือขึ้นในระยะใกล้ๆ หู ราวๆ 1 นิ้ว ใช้นิ้วชี้และนิ้วโป้งถูกันจนเกิดเสียงเบาๆ หากได้ยินแสดงว่าหูยังปกติอยู่ หากไม่ได้ยินแสดงว่ามีความเสี่ยงที่จะมีอาการหูตึง
หากอาการหูตึงที่เกิดจากความเสื่อมของหูชั้นใน เส้นประสาทหู และระบบประสาทส่วนกลาง โดยเฉพาะประสาทรับเสียงเสื่อมตามวัย มักจะรักษาไม่หายขาด
อาการหูตึงในผู้สูงวัยมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แพทย์อาจพิจารณาให้ใส่เครื่องช่วยฟัง ซึ่งช่วยทำหน้าที่เสมือนเครื่องขยายเสียงให้ดังขึ้น โดยใส่ไว้ในช่องหู สามารถถอดเก็บได้
ผู้ป่วยอาการหูตึงมักจะมีความรู้สึกเครียด รู้สึกว่าคนอื่นรำคาญ เบื่อหน่าย ตนเองที่มีอาการหูตึง ซึ่งถ้าหากมีปัญหาหูตึง ควรจะไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เพื่อการรักษาที่ถูกต้อง
.
บุตรหลานท่านใดที่มีผู้สูงอายุอยู่ในครอบครัว และมีอาการหูตึง ควรพาท่านมาตรวจเพื่อให้แพทย์ตรวจวินิจฉัย วิเคราะห์หาสาเหตุ เพื่อทำการรักษาหูตึง ก่อนที่จะหูหนวกไม่ได้ยินไปตลอด
บทความที่เกี่ยวข้อง