ต้อกระจก (Cataracts) คือ โรคที่แก้วตา หรือเลนส์ตามีความขุ่นมัว ปกติแล้วเลนส์ตาจะมีความใส ทำหน้าที่รวมแสงให้ตกบนจอประสาทตา เมื่อเกิดต้อกระจก ประสาทตาจะรับแสงไม่เต็มที่ ยิ่งเลนส์ตาขุ่นมาก การมองเห็นยิ่งลดน้อยลง โดยมากโรคนี้มักจะเกิดในผู้สูงอายุ หากไม่รักษา อาจทำให้ตาบอดตลอดได้
แพทย์จะตรวจวินิจฉัยดวงตาอย่างละเอียด เพื่อแยกชนิด ตำแหน่ง และความรุนแรงของต้อกระจก อีกทั้งยังวัดความดันลูกตา กรวดน้ำวุ้นตา กับจอประสาทตา เพื่อให้แน่ชัดว่าต้อกระจกเป็นสาเหตุเดียวที่ทำให้สายตาขุ่นมัว หรือมีโรคตาอื่นมาประกอบด้วยในบางกรณีจักษุแพทย์บางท่านอาจใช้ยาหยอดตา เพื่อชะลอความรุนแรงของต้อกระจก
ผู้ป่วยต้อกระจกในระยะแรกจะตัดแว่นสายตาใหม่ หรือใส่แว่นกันแดดกันแสงสะท้อน แต่ถ้าหากยังไม่หายจนมีผลต่อกิจกรรมชีวิตประจำวัน จึงต้องทำการผ่าตัดในที่สุด
การสลายต้อกระจกด้วยคลื่นอัลตราซาวด์ หรือ เฟโค แพทย์จะสอดเครื่องมือสลายต้อเข้าไปที่ตัวต้อกระจก ใช้พลังงานความถี่สูงเท่าระดับอัลตราซาวด์ เข้าสลายต้อกระจกจนหมด จึงใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไปแทนที่ แผลมีขนาดเล็กเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน
วิธีผ่าตัดต้อกระจกแบบเปิดแผลกว้าง กรณีนี้ต้องเป็นต้อกระจกที่สุก และแข็งมาก ๆ แพทย์จะเปิดแผลบริเวณครึ่งบนของลูกตายาวประมาณ 10 มม.เพื่อเอาตัวเลนส์แก้วตาที่เป็นต้อกระจกออก แล้วใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไปแทนที่แล้วจึงเย็บปิดแผลด้วยไหมเย็บแผล
ควรมีผู้ดูแลผู้ที่เข้ารับการผ่าตัด เพราะกิจกรรมในชีวิตประจำวัน จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นของดวงตา เช่น การทำอาหาร การขับรถ เป็นต้น
ผู้ประกันตนที่สามารถใช้สิทธิการเปลี่ยนกระจกตา ในกรณีที่แพทย์วินิจฉัยว่ากระจกตาเสื่อมตามอายุ กระจกตาผิดปกติตั้งแต่กำเนิด หรือผิดปกติทางพันธุกรรม และกระจกตาขุ่นจากโรคทางภูมิร่างกายผิดปกติ เช่น แพ้ยาบางชนิด เป็นต้น
การผ่าตัดต้อกระจกมีความปลอดภัย และอาการแทรกซ้อนน้อย อีกทั้งยังมีสิทธิประกันสังคมยังรับรองผู้ประกันตนที่จะทำการรักษาการผ่าตัดต้อกระจก สำหรับผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป และเป็นโรคเบาหวาน ควรไปตรวจดวงตา หากมีอาการตาพร่ามัว ควรไปพบแพทย์ทันที หากเป็นโรคต้อกระจกจริงจะได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ไม่มีความเสี่ยงต่อความพิการทางสายตา
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง