“หน้าฝน” เป็นฤดูกาลที่พัดพาเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย หลายท่านอาจจะเป็นหวัดในช่วงนี้ของทุกปี และคิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่เผชิญอยู่อาจไม่ใช่หวัด หรือไข้ธรรมดา ซึ่งรวมถึงไข้เลือดออก, ไข้หวัดใหญ่ และโควิด-19 ด้วย โรคเหล่านี้มักจะมีอาการคล้ายกันในช่วงระยะแรก แต่ผลลัพธ์กับความรุนแรงจะแตกต่างกัน หากภูมิคุ้มกันร่างกายของท่านไม่แข็งแรงพอ
ไข้เลือดออกเกิดจากเชื้อเดงกี ซึ่งยุงลายเป็นพาหะนำโรค โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน มักจะมีบริเวณที่เกิดน้ำขัง ทำให้ยุงลายลงไปวางไข่ ส่งผลให้ยุงสามารถแพร่พันธุ์ออกมา และเด็ก คือผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ที่จะมีอาการรุนแรงหากเป็นไข้เลือดออก แต่ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก ซึ่งจะช่วยบรรเทาไม่ให้อาการรุนแรงขึ้นหากเป็นซ้ำ
อาการของไข้เลือดออก
ไข้สูงประมาณ 38 องศา เป็นระยะเวลา 2-7 วัน
ปวดศีรษะ, กล้ามเนื้อตามร่างกาย
คลื่นไส้, อาเจียน, เบื่ออาหาร
มีจุดเลือดแดง ๆ ขึ้นตามลำตัว, แขน และขา
ปวดท้องอย่างรุนแรง, ถ่ายไม่ออก หรือท้องเสีย, อุจจาระออกมาเป็นสีดำ
กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายบริเวณบ้าน และพื้นที่ใกล้เคียง
ทำบ้านให้ปลอดโปร่งอยู่เสมอ
สวมเสื้อผ้าให้มิดชิดกับทายากันยุง เพื่อเป็นการป้องกันเบื้องต้นไม่ให้ยุงกัด
เข้ารับวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก
เป็นการติดเชื้อไวรัส และแบคทีเรียในระบบทางเดินหายใจส่วนบน โดยส่วนมากจะเป็นเชื้อไวรัสชนิดที่ไม่รุนแรงมาก
อาการของไข้หวัด
มีไข้ขึ้นสูง, ตัวร้อน, รู้สึกอ่อนเพลีย
จาม, คัดจมูก, มีน้ำมูก
ปวด และวิงเวียนศีรษะ, เมื่อยตามลำตัว
เมื่ออากาศเปลี่ยนแปลง ควรรักษาอุณหภูมิในร่างกายให้อบอุ่นเสมอ
หากไอ หรือจามให้ปิดปาก และจมูก เพื่อลดการแพร่เชื้อได้
หลีกเลี่ยงการเข้าไปรวมอยู่ในบริเวณพื้นที่แออัด
ถ้าในตอนกลางคืนมีอุณหภูมิต่ำ ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำเย็น ให้อาบน้ำ และสระผมโดยใช้น้ำอุ่นแทน
ควรออกกำลังกายให้พอดี อย่าหักโหมจนเกินไป, พักผ่อนให้เพียงพอ, รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
ไข้หวัดใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่บริเวณอวัยวะระบบทางเดินหายใจ โดยการสัมผัสเชื้อที่กระจายอยู่ในอากาศ หรือสิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัวของผู้ป่วย เกิดขึ้นได้กับทุกเพศวัย และจะทวีความรุนแรงขึ้นหากติดเชื้อร่วมกับโควิด-19
ไข้หวัดใหญ่มีอาการ ดังนี้
ไข้ขึ้นสูง 38-40 องศา ติดต่อกันหลายวัน
ไอแห้ง, เจ็บคอ
มีน้ำมูก, คัดจมูก
ปวดศีรษะ, กล้ามเนื้อตามร่างกาย, อ่อนแรง
หนาวสั่น, เบื่ออาหาร
สวมหน้ากากอนามัย และหลีกเลี่ยงการอยู่ในบริเวณพื้นที่แออัด
ไม่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่
ล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ
ห้ามใช้มือสัมผัสปาก, จมูก และดวงตา
ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
ณ ปัจจุบัน สถานการณ์โควิดเริ่มบรรเทาลงบ้างแล้ว และอาการอาจจะไม่ได้รุนแรงเท่าเมื่อก่อน ที่สำคัญ คือ ยังคงเป็นโรคที่มีการกลายพันธุ์บ่อยมาก ซึ่งสายพันธุ์ล่าสุดที่พบการระบาดอยู่ตอนนี้ คือ JN.1 โดยสายพันธุ์นี้ ผู้ป่วยแต่ละท่านจะมีอาการที่หนัก และเบาแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันร่างกายของแต่ละบุคคลด้วย
โควิด-19 สายพันธุ์ JN.1 มีอาการ ดังนี้
อาการคล้ายเป็นหวัด, ไข้สูง
ปวดศีรษะ, ปวดเมื่อยตามตัว
เจ็บคอ, มีน้ำมูก
มีเสมหะ, ไอ
สวมหน้ากากอนามัย หากออกไปทำกิจวัตรประจำวันนอกบ้าน
หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่แออัด
หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ หลังจับสิ่งของสาธารณะ
สังเกตอาการตนเอง เมื่อมีสิ่งผิดปกติ เช่น มีไข้สูง, เจ็บคอ เป็นต้น
โรคที่กล่าวมาข้างต้น สามารถแยกอาการได้ว่าท่านป่วยเป็นอะไร แต่เพื่อความปลอดภัย ท่านต้องเข้าพบแพทย์ทันที เมื่อรู้สึกว่าร่างกายผิดปกติ โดยแพทย์จะมีเครื่องมือในการวินิจฉัยอย่างแม่นยำ และเข้าสู่ขั้นตอนการรักษาได้ทันที อีกทั้งในฤดูฝนยังมีโรคที่เกิดขึ้นอีกมากมาย ดังนั้นควรดูแลสุขอนามัยกับหลีกเลี่ยงการโดนน้ำฝน รวมถึงการเข้ารับวัคซีนเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน และลดอาการความรุนแรงของโรคด้วย
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์
ระวังติดเชื้อ COVID-19 ร่วมกับเชื้อไข้หวัดใหญ่ในหน้าฝน