หากพูดถึงหน้าร้อน ทุกคนคงนึกถึงพระอาทิตย์ดวงโตที่มักจะปล่อยแสงแดดอันร้อนแรง ที่คอยแผดเผาร่างกายของเราในทุกอณู ทำให้เราต้องประโคมทาครีมกันแดด สวมหมวก หรือกางร่ม เพื่อป้องกันอันตรายจากรังสี UV ที่มาพร้อมกับแสงแดด แต่ความอันตรายไม่ได้มีเพียงแค่รังสีชนิดต่าง ๆ ที่ทำร้ายผิวเท่านั้น ความร้อนที่โพยพุ่งออกมาพร้อม ๆ กับแสงแดดที่แผดเผานั้น อาจส่งผลทำให้เรากลายเป็น โรคลมแดดหรือฮีทสโตรก (Heat Stroke) ได้
เป็นภาวะอุณหภูมิของแกนร่างกาย ที่สูงขึ้นมากกว่า 40 องศาเซลเซียสอย่างรวดเร็ว ซึ่งเกิดจากการอยู่ในสถานที่ที่มีอุณหภูมิสูงมาก โดยเฉพาะในที่อากาศร้อนชื้น หรือเกิดจากการออกกำลังกายมากจนร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้ทัน โรคนี้สามารถส่งผลเสียต่อหัวใจ ระบบประสาท และไต เพราะหากเกิดอาการฮีทสโตรกขึ้นมา จะทำให้เลือดไหลเวียนไปที่อวัยวะต่าง ๆ ได้น้อยลง
อายุ เด็กหรือผู้สูงอายุจะมีความสามารถในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิร่างกายน้อย
การอยู่ในสถานที่หรือบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง หรือเปลี่ยนแปลงกะทันหัน
ยาบางชนิด ที่ส่งผลต่อความชุ่มชื้นของร่างกาย เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาทางจิตเวช หรือยาขยายหลอดเลือด เป็นต้น
โรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคอ้วน เป็นต้น
โรคลมแดดหรือฮีทสโตรก สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้
โรคลมแดดทั่วไป (Classical Heat Stroke)
จะเกิดขึ้นเมื่ออยู่ในสภาพอากาศร้อนสูง ทำให้กระบวนการระบายความร้อนของร่างกาย ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถปรับตัวได้ จึงมีการสะสมอุณหภูมิที่สูงภายในร่างกาย และเกิดเป็นโรคลมแดดในที่สุด
โรคลมแดดจากการใช้ร่างกายหนัก (Exertional Heat Stroke)
จะเกิดขึ้นเมื่อมีการใช้ร่างกายอย่างหนักในที่กลางแจ้งเป็นเวลานาน จนร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้ทัน จึงทำให้อุณหภูมิของแกนร่างกายสูงขึ้น โรคลมแดดประเภทนี้จะมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น หายใจลำบาก คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น
ร่างกายมีอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 40 องศาเซลเซียสขึ้นไป
ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน
ความดันต่ำ หายใจถี่ หัวใจเต้นเร็ว
ต่อมเหงื่อทำงานผิดปกติ จึงไม่มีการขับเหงื่อออกมาทั้ง ๆ ที่ร่างกายมีอุณหภูมิสูง
ตัวแดง เพราะร่างกายมีอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น
มีอาการผิดปกติทางระบบประสาท เช่น เพ้อ พูดช้า พูดไม่ชัด สับสน ชัก และหมดสติ เป็นต้น
เด็กเล็กและผู้สูงอายุ
ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ และผู้ขับขี่รถประจำทางที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ
ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น
ผู้ประกอบอาชีพที่ต้องอยู่ ณ สถานที่ที่มีอุณหภูมิสูง เช่น ทหารที่ต้องเข้ารับการฝึกกลางแจ้ง, แรงงานก่อสร้าง, เกษตรกร, ตำรวจจราจร เป็นต้น
ผู้ที่ออกกำลังกายกลางแจ้งและหักโหม
ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์
โรคลมแดดสามารถเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นได้มากมาย เช่น
ระบบประสาทส่วนกลาง หรือภาวะสมองบวม ส่งผลให้มีอาการสับสน ชักเกร็ง และหมดสติ
ระบบหัวใจและหลอดเลือด เมื่อร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำจะทำให้เกิดความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นผิดปกติ ซึ่งเป็นอาการที่อาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้
ระบบกล้ามเนื้อ อาจส่งผลให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อสลาย
ปอด เสี่ยงต่อการเกิดภาวะเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจได้
ไต เสี่ยงต่อการเกิดภาวะไตวายเฉียบพลัน
โดยภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ จะขึ้นอยู่กับระยะเวลา และมีความรุนแรงแตกต่างกันในแต่ละบุคคล หากได้รับการช่วยเหลือล่าช้า จะทำให้อาการยิ่งรุนแรง และเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากขึ้น
การตรวจเลือด เพื่อดูความเสียหายของระบบประสาทส่วนกลาง ด้วยวิธีการดูระดับโพแทสเซียม โซเดียม ปริมาณก๊าซ และของเสียภายในเลือด
การตรวจปัสสาวะ โดยสีของปัสสาวะมักจะมีสีเข้ม เมื่อร่างกายมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น
การตรวจสอบการทำงานของกล้ามเนื้อ แพทย์จะดูความเสียหายของกล้ามเนื้อที่ได้รับผลกระทบจากโรคลมแดด
เอกซเรย์ เพื่อดูความเสียหายของระบบภายใน ที่อาจได้รับผลกระทบจากโรคลมแดด
หากพบผู้ป่วยที่เป็นโรคลมแดด สามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้ ดังนี้
รีบพาเข้าที่ร่มหรือสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
จัดท่าให้ผู้ป่วยนอนยกเท้าสูง เพื่อให้เลือดหมุนเวียนกลับสู่หัวใจมากขึ้น
ถอดเสื้อคลุมออก และหาวิธีทำให้ร่างกายเย็น เช่น ใช้ผ้าชุบน้ำเย็น หรือผ้าห่อน้ำแข็งประคบตามรักแร้ คอ แขน ลำตัว และตามข้อพับต่าง ๆ
ห้ามให้ผู้ป่วยดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลหรือแอลกอฮอล์
หากผู้ป่วยรู้สึกดีขึ้นแล้วสามารถให้ดื่มน้ำเปล่า เพื่อชดเชยน้ำที่สูญเสียไป
สวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่หนาและรัดจนเกินไป มีความโปร่ง สามารถถ่ายเทความร้อนได้ดี
ใช้อุปกรณ์ป้องกันแสงแดด เช่น หมวก แว่นกันแดด ร่ม เป็นต้น
จิบน้ำระหว่างการออกกำลังกายกลางแจ้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ
หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬาในสภาพอากาศที่มีอุณหภูมิสูง
หากอยู่บ้านควรเปิดหน้าต่าง เพื่อให้อากาศถ่ายเท หรือเปิดเครื่องปรับอากาศ เพื่อช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้านลง
หากผู้ป่วยต้องรับประทานยา ให้ปรึกษาแพทย์ว่าถ้าหากรับประทานยาชนิดนี้ จะมีผลต่ออุณหภูมิในร่างกายหรือไม่
โรคลมแดด แม้จะเป็นโรคที่ดูไม่น่ากลัว เพราะสามารถทำให้อาการดีขึ้นได้เพียงการปฐมพยาบาลเบื้องต้น แต่หากปล่อยให้อาการของผู้ป่วยคงอยู่เป็นเวลานาน อาจส่งผลต่ออวัยวะส่วนอื่น ๆ ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง และทำให้เสียชีวิตได้ ดังนั้น หากมีบุคคลใกล้ตัวเกิดอาการของโรคลมแดดขึ้น ควรตั้งสติให้ดี และรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ภาวะขาดน้ำ โรคในช่วงฤดูร้อนที่ผู้สูงอายุควรระวัง