ไวรัส COVID-19 ที่กำลังระบาดอยู่ในเวลานี้ เราอาจคิดว่ามันเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยเราอาจยังไม่รู้เลยว่าในประวัติศาสตร์โลกที่ผ่านมายังเคยเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง และแต่ละครั้งโรคระบาดเหล่านี้ได้ทำหน้าที่เป็นมัจจุราชคร่าชีวิตผู้คนไปมากมายนับล้านคนมาโดยตลอด ก่อนที่เราจะสามารถควบคุมโรคระบาดเหล่านั้นได้อยู่หมัด จนอยู่รอดกันมาได้จนถึงทุกวันนี้ แล้วที่ผ่านมาเคยเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่อะไรบ้างนั้นเรามาดูกัน
เชื้อไวรัสชนิดนี้มาจากเชื้อไวรัสกลุ่ม A ชนิด H1N1 โดยมีการแพร่ระบาดตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน พ.ศ. 2552 จากรายงานเชื่อว่าเริ่มระบาดจากประเทศเม็กซิโกรวมถึงประเทศสหรัฐอเมริกา และมีการแพร่กระจายไปอีกหลายประเทศหลังจากนั้นจากการศึกษาพบว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวมีส่วนผสมจากไวรัสทั้ง 3 ชนิด ได้แก่ ไข้หวัดในมนุษย์ ไข้หวัดนกอเมริกาเหนือ และไข้หวัดหมูเอเชียและยุโรป
ด้วยการที่เกิดจากผสมไวรัสทั้ง 3 ชนิดนี้เอง WHO จึงประกาศให้เฝ้าระวังเนื่องจากไวรัสตัวนี้อาจกลายพันธุ์เป็นไวรัสที่อันตรายยิ่งกว่าได้ จากสถิติของทางสำนักงานควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือ CDC คาดคะเนว่าไวรัสตัวนี้อาจคร่าชีวิตผู้คนในปีนั้นไปกว่า 280,000 คนได้ แต่จากสถิติที่ WHO ยืนยันยอดผู้เสียชีวิตรวมทั้งหมดไม่ถึง 20,000 คน
มีการรายงานว่าพบครั้งแรกในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกใน พ.ศ. 2519 หลังจากนั้นได้มีการพัฒนาเชื้อจนแพร่ระบาดไปทั่วโลก และมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ไปกว่า 36 ล้านคน นับตั้งแต่ พ.ศ. 2524
ในปัจจุบันเราได้ตื่นตัวกับโรคชนิดนี้มีมากขึ้น จนสามารถพบวิธีการทำให้ผู้มีเชื้อไวรัส HIV สามารถควบคุมเชื้อและใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนคนทั่วไปอีกครั้ง นอกจากนี้จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวยังมีแนวโน้มลดลงมากกว่าแต่ก่อนอีกด้วย
เกิดจากเชื้อไวรัสชนิด H3N2 มีรายงานว่าถูกพบครั้งแรกที่ประเทศฮ่องกงในช่วงเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2511 โดยในเวลานั้นมีผู้ป่วยกว่า 500,000 คน แต่ยังมีผู้เสียชีวิตไม่มาก และลุกลามไปยังประเทศเวียดนามรวมถึงประเทศสิงคโปร์ในเวลาเพียง 3 เดือน ไม่เพียงแต่เท่านั้นโรคร้ายนี้ยังแพร่กระจายไปยังประเทศฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย อินเดีย ญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกาใต้ สหรัฐอเมริกา และแอฟริกา
เดิมทีโรคนี้กลายพันธุ์มาจากโรคไข้หวัดใหญ่เอเชีย และมีอันตรายต่อมนุษย์น้อยกว่าการระบาดของไข้หวัดเอเชีย เนื่องจากมีอัตราการเสียชีวิตเพียง 5 % แต่โรคนี้ยังสามารถคร่าชีวิตผู้คนไปมากถึง 1 ล้านคน
เป็นโรคระบาดที่เกิดขึ้นในช่วง พ.ศ. 2499-1501 แม้การระบาดจะมีระยะเวลาแค่ 2 ปี แต่เชื้อร้ายกลับแพร่ระบาดจากกลุ่มชาวจีนไปยังฮ่องกง สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกาอย่างรวดเร็วเพราะเชื้อไวรัสมีการกลายพันธุ์แตกต่างไปจากเดิม มีชื่อเรียกเบื้องต้นว่า Influenza virus สายพันธุ์ A2 แต่เมื่อมีการปรับเข้าสู่ระบบสากลจึงเปลี่ยนชื่อเป็น H2N2 โดยองค์กรอนามัยโลก (WHO) ได้ยืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดนี้ราว 2 ล้านคน
เป็นไวรัสที่มีต้นกำเนิดจากประเทศสเปนและระบาดรุนแรงไปทั่วโลกเมื่อ พ.ศ. 2461 คาดการณ์ว่าเกิดจากไวรัสชนิด A (ขาเก่าเจ้าประจำ) ที่ติดต่อจากหมูสู่คน และนับว่าเป็นไวรัสที่น่ากลัวมากเพราะพบว่าคนมีการติดเชื้อมากกว่า 1 ใน 3 ของโลก คร่าชีวิตผู้ป่วยมากถึง 20-40 ล้านคน มีอัตราการเสียชีวิตประมาณ 10-20 % โดยพบว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มักเป็นวัยหนุ่มสาวที่มีสุขภาพแข็งแรง ในขณะที่กลุ่มคนที่มีภูมิคุ้มกันน้อยกว่าเสียชีวิตน้อยกว่ากลุ่มอื่น
หลายคนจะรู้จักกันในชื่อ “โรคห่า” นั่นเอง ซึ่งโรคนี้เป็นโรคที่ระบาดมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ครั้งที่มีคร่าชีวิตผู้คนมากที่สุดคือในช่วง พ.ศ. 2453-2454 โดยมีต้นกำเนิดมาจากอินเดียซึ่งมีผู้เสียชีวิตกว่า 800,000 คน เพราะแหล่งที่เกิดโรคมักเกิดในชุมชนที่อยู่กันอย่างหนาแน่น และในถิ่นที่มีการใช้ชีวิตอย่างไม่ถูกสุขลักษณะ และการระบาดในอินเดียทำให้เกิดการลุกลามเชื้อไปยังอเมริกาเหนืออย่างรวดเร็ว ตะวันออกกลาง ยุโรปตะวันออก และรัสเซีย
โรคระบาดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นธรรมดา เพราะตราบใดที่มนุษย์ยังไม่หยุดวิวัฒนาการ เชื้อไวรัสพวกนี้จะยังคงวิวัฒนาการต่อไปเรื่อย ๆ เช่นกัน การเตรียมตัวและเรียนรู้ที่จะรับมือกับเชื้อไวรัสจึงเป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนควรตระหนักไว้ เพื่อป้องกันและแก้ไขได้อย่างทันท่วงที และลดการสูญเสียของประชากรด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
เบอร์ติดต่อ : 06 5986 1079