โรคข้ออักเสบ (Arthritis) เป็นโรคที่มีความเสี่ยงตามอายุ และสามารถเกิดขึ้นได้จากโรครูมาตอยด์ และโรคเก๊าท์ โดยอาการของโรคนี้จะทำให้ข้อมีอาการปวดบวมแดง เคลื่อนไหวได้ลำบาก หากปล่อยไว้อาจมีอาการแทรกซ้อนที่รุนแรงเช่นอาการติดเชื้อที่มีอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต ดังนั้นหากมีสัญญาณเตือนให้เข้าพบแพทย์เพื่อวินิจฉัย และทำการรักษาแต่เนิ่น ๆ
เป็นการเสื่อมสภาพของข้อ โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคนี้มีอยู่ด้วยกันหลายประการ และสามารถเกิดขึ้นได้หลายส่วน ซึ่งสามารถแบ่งออกหลัก ๆ ได้ดังนี้
นอกจากนี้โรคนี้ยังเกิดขึ้นได้จากการประสบอุบัติเหตุจนเกิดอาการบาดเจ็บบริเวณข้อ ทั้งนี้สามารถแบ่งประเภทของข้ออักเสบได้ 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่
จะรู้ได้อย่างไรว่าเสี่ยงโรคข้ออักเสบ
เนื่องจากสาเหตุของการเกิดโรคนั้นมีหลากหลายประการ ทำให้การหลีกเลี่ยงโรคนี้ทำได้ยาก ดังนั้นการเรียนรู้อาการที่บ่งบอกถึงความเสี่ยงจึงสำคัญ ได้แก่
หากมีอาการดังกล่าวเกิดขึ้น และไม่มีท่าทีว่าอาการจะบรรเทาลงให้เข้าพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยหาสาเหตุของอาการซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี เช่น เอกซเรย์ ตรวจน้ำไขข้อ และอัลตราซาวด์ ผ่านผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านกระดูกและข้อ
ในบรรดาโรคร้ายทั้งหมดมักมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน รวมไปถึงโรคทางกระดูกและข้ออย่างข้ออักเสบที่มีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจาก “โรครูมาตอยด์” และโรคที่เรารู้จักกันดีอย่าง “โรคเก๊าท์”
วิดีโอ ประสบการณ์จริงจากคนไข้ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม (คลิก)
นอกจากความลำบากในการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน และความเสี่ยงข้อพิการแล้ว โรคนี้ยังอันตรายถึงชีวิตได้ด้วยอาการติดเชื้อ เนื่องจากการติดเชื้อจะทำให้เกิดการอักเสบของข้อแบบเฉียบพลัน และยังสามารถเป็นแบบเรื้อรังได้อีกด้วย มักพบเจอได้มากในผู้สูงอายุที่เป็นโรคมะเร็ง โรคตับ โรคเบาหวาน หรือผู้ที่กำลังใช้ยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีเชื้อจะแพร่กระจายมากขึ้นจนเสียชีวิตในที่สุด
การรักษาสามารถทำได้ตั้งแต่เบื้องต้นคือการหลีกเลี่ยงการรับน้ำหนักของข้อ และให้ออกกำลังกาย เพื่อทำให้ข้อมีความยืดหยุ่น เช่น ว่ายน้ำ รวมไปถึงพยายามประคบทั้งร้อนและเย็นเพื่อบรรเทาอาการปวด นอกจากนี้โรคข้ออักเสบยังมีวิธีรักษาอยู่อีกหลายวิธี ดังนี้
หากไม่รวมถึงปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น อายุที่มากขึ้น ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เราสามารถทำได้เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคข้ออักเสบ
นอกจากนี้ยังมีความเชื่อเรื่อง “น้ำมันตับปลารักษาข้อ” ซึ่งไม่เป็นความจริง เนื่องจากการรับน้ำมันตับปลาในปริมาณมากไม่ได้ช่วยรักษาข้อ แต่จะเกิดการสะสมจนกลายเป็นพิษจากวิตามินเอและดีได้
ทั้งนี้อาการเจ็บปวดตามข้อที่เกิดขึ้นไม่ควรปล่อยไว้นาน หากมีอาการในระยะหนึ่งควรเข้าพบแพทย์เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดข้อพิการในเวลาต่อมาได้
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง