หนึ่งในโรคที่กล่าวได้ว่า มีโอกาสเกิดกับผู้หญิงได้เยอะเป็นอันดับที่ 2 รองจากมะเร็งเต้านม คือ มะเร็งปากมดลูก ซึ่งมีอัตราความเสี่ยงมากถึงประมาณ 90 % หากไม่ได้รับวัคซีนป้องกัน โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์ หรือแต่งงานแล้ว จะเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้น โดยปกติแล้วสามารถหายได้เองภายในระยะเวลา 1 ถึง 2 ปี แต่ด้วยความเสี่ยงที่สูง จึงต้องมีการฉีดวัคซีน HPV หรือทำการตรวจร่างกายเป็นประจำ
เกิดจากเชื้อไวรัส HPV ส่วนมากจะพบสายพันธุ์ 16 และ 18 อาจติดต่อหลังจากการมีเพศสัมพันธ์
เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในเซลล์ช่วงระยะก่อนมะเร็งมดลูก
ปกติแล้วเวลาเชื้อ HPV เข้าสู่ร่างกาย จะไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมา จนกว่าจะเข้าสู่ระยะที่มีการลุกลาม โดยสามารถสังเกตได้จากอาการ ดังนี้
มีเลือดออกจากช่องคลอด บางคนอาจจะหมดประจำเดือนไปแล้ว แต่ยังมีเลือดออก หรือมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งอาจจะไม่เคยเป็นมาก่อน
ประจำเดือนมานานผิดปกติ
รู้สึกเจ็บ หรือปวดในช่องคลอดขณะมีเพศสัมพันธ์
กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือปวดปัสสาวะบ่อย
อาจจะมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น เบื่ออาหาร, ปัสสาวะมีเลือดปนออกมา และปวดกระดูก เป็นต้น
มะเร็งปากมดลูก สามารถแบ่งอาการออกได้เป็น 4 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1 ระยะเริ่มต้น มะเร็งจะอยู่ที่บริเวณปากมดลูก
ระยะที่ 2 ระยะกลาง มะเร็งจะมีการลุกลามขยับไปยังบริเวณด้านข้างของปากมดลูก
ระยะที่ 3 ระยะกลาง ระยะนี้มะเร็งจะลุกลามไปจนถึงบริเวณอุ้งเชิงกรานแล้ว
ระยะที่ 4 ระยะสุดท้าย ในระยะนี้มะเร็งจะเกิดการลุกลาม และกระจายไปสู่อวัยวะอื่น ๆ เช่น ทวารหนัก, กระเพาะปัสสาวะ เป็นต้น
ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย
ผู้ที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย
ผู้ที่มีบุตรจำนวนมาก
ผู้ที่ไม่เคยตรวจภายในมาก่อนเลย
ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
เชื้อมะเร็งสามารถลุกลามไปยังอวัยวะใกล้เคียงได้ และอาจลามไปถึงสมอง, กระดูก, ปอด เป็นต้น หลังจากอวัยวะดังกล่าวเริ่มติดเชื้อ จะส่งผลให้มีอาการเจ็บปวด หรือเลือดออกตรงบริเวณดังกล่าว, ช่องคลอดมีกลิ่น, ปัสสาวะมีเลือด นอกจากนี้ยังสามารถมีผลกับไต และอาจส่งผลรุนแรงจนถึงขั้นไตวายได้อีกด้วย
สำหรับขั้นตอน และรูปแบบการรักษา จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เพื่อตัดสินใจเลือกแนวทางในการรักษา โดยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ระยะ และอาการของโรค เป็นต้น โดยมีวิธีการรักษา ดังนี้
ระยะก่อนพบมะเร็ง สามารถรักษา หรือทำการผ่าตัดบางส่วนของมดลูกเท่านั้น และต้องคอยติดตามผลการรักษาอย่างใกล้ชิด
ระยะพบมะเร็ง มีวิธีการรักษา เช่น การผ่าตัด, การทำเคมีบำบัด หรือรังสีรักษา เป็นต้น
การรักษาสามารถทำร่วมได้มากกว่า 1 วิธี เนื่องจากอาจมีเชื้อมะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นด้วย โดยต้องขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์ที่ประเมินตามอาการ และความรุนแรงด้วย
เนื่องจากโรคนี้เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์เป็นหลัก จึงมีวิธีป้องกันดังนี้
สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
ไม่ควรเปลี่ยนคู่นอนบ่อย หรือหลายคน
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
ตรวจสุขภาพเพื่อคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูก
วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีน HPV ซึ่งจะเป็นการป้องกันสายพันธุ์ที่ผู้ป่วยพบว่ามีความเสี่ยงมากที่สุด
จะเห็นได้ว่ามะเร็งปากมดลูกเป็นภัยเงียบ ที่ผู้หญิงทุกคนต้องระวังมากที่สุด เพราะกว่าจะแสดงอาการออกมา อาจอยู่ในระยะที่ลุกลามแล้ว คุณผู้หญิงทุกท่าน สามารถเข้าพบแพทย์เพื่อรับการตรวจสุขภาพคัดกรอง หรือการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ กันไว้…ดีกว่าแก้ ก่อนทุกอย่างจะสายจนเกินควบคุม
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ThinPrep ตรวจมะเร็งปากมดลูกอย่างมีคุณภาพ
“มดลูกและรังไข่” ศูนย์กลางของความเป็นผู้หญิง