ไส้เลื่อนกระบังลม (Hiatal Hernia) เกิดได้จากความอ่อนแอของกล้ามเนื้อบริเวณกระบังลมส่งผลให้อวัยวะอื่น ๆ สามารถเคลื่อนผ่านกระบังลมไปยังช่องอกหรือส่วนอื่นได้ อาการของผู้ป่วยไส้เลื่อนกระบังลมสังเกตได้จากหลายอาการโดยเฉพาะอาการกรดไหลย้อน หากพบว่ามีภาวะแทรกซ้อนจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
อาการของโรคจะไม่มีอาการที่สังเกตได้อย่างชัดเจน แต่สามารถสังเกตอาการเบื้องต้นที่อาจเป็นสัญญาณของการเกิดไส้เลื่อนกระบังลม ได้แก่
อาการจากที่กล่าวมาอาจเป็นสัญญาณของไส้เลื่อนกระบังลมเท่านั้น หากต้องการทราบผลที่แน่ชัดควรเข้าพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยอย่างละเอียดเป็นวิธีที่ดีที่สุด
หากผู้ป่วยเป็นโรคนี้ในระดับเพียงเล็กน้อยไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาก็ได้ แต่หากมีอาการที่รุนแรงเกิดขึ้นต้องรีบเข้าพบแพทย์ทันที ได้แก่
อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณว่าทางเดินอาหารของผู้ป่วยไส้เลื่อนกระบังลมเกิดการบิดตัวหรืออุดตัน ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดบริเวณช่องท้องมีปัญหาหรือเลือดไม่เดิน
กระบังลมเป็นอวัยวะสำคัญที่มีส่วนช่วยในระบบหายใจ สำหรับสาเหตุของการเกิดโรคไส้เลื่อนกระบังลมยังไม่ชัดเจน แต่ยังมีพฤติกรรมหรือปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรค ได้แก่
เมื่อเกิดความเสี่ยงจะทำให้กล้ามเนื้อกระบังลมเกิดความอ่อนแอลง ส่งผลให้อวัยวะส่วนอื่น ๆ สามารถเคลื่อนตัวผ่านช่องว่างที่เกิดขึ้นกลายเป็นไส้เลื่อนกระบังลมในที่สุด
โรคนี้มีอยู่ 2 ชนิดหลัก ๆ ได้แก่
เกิดจากความผิดปกติแต่กำเนิดกระบังลมจึงมีรูโหว่ ทำให้อวัยวะส่วนอื่นบริเวณช่องท้องสามารถเคลื่อนมาสู่ช่องอกได้ ส่งผลโดยตรงต่อปอดและหัวใจของเด็ก หากทารกเป็นโรคไส้เลื่อนกระบังลมจะมีโอกาสเสี่ยงเสียชีวิตจึงต้องทำการวินิจฉัยดูแลตั้งแต่ในระยะก่อนคลอดเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
หากผู้ป่วยมีอาการที่แสดงความเสี่ยงแพทย์จะทำการซักถามประวัติอาการร่วมกับการตรวจวินิจฉัยซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้
โรคนี้สามารถรักษาได้หลายวิธีหากอาการไม่รุนแรงไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัด แต่สามารถรักษาผ่านการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหาร เลี่ยงบุหรี่และแอลกอฮอล์ ไม่นอนทันทีหลังทานอาหาร นอกจากนี้ยังสามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยา เช่น ยาที่สามารถลดกรดในกระเพาะอาหาร หรือยาที่ลดการหลั่งกรดทางเดินอาหาร เป็นต้น
กรณีเกิดอาการระดับรุนแรง หรือมีภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัดผ่านการผ่าตัดผ่านกล้อง มีจุดประสงค์เพื่อทำให้อวัยวะที่เกิดการเคลื่อนตัวกลับสู่ตำแหน่งเดิม การผ่าตัดวิธีนี้จะทำให้ผู้ป่วยไส้เลื่อนกระบังลมพักฟื้นได้ไวและเกิดแผลที่เล็กกว่าการผ่าตัดทั่วไป
เนื่องด้วยอาการกรดไหลย้อนเป็นส่วนสำคัญสำหรับโรคไส้เลื่อนกระบังลม และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทานอาหารโดยตรง ผู้ป่วยที่กำลังทำการรักษาจึงต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหาร ดังนี้
เนื่องจากสาเหตุของการเกิดที่ไม่ชัดเจน ทำให้ไม่สามารถป้องกันโรคได้โดยตรงทำได้เพียงลดพฤติกรรมที่ทำให้เกิดความเสี่ยงไส้เลื่อนกระบังลมทั้งการหลีกเลี่ยงเสื้อผ้ารัดรูป ไม่นอนทันทีหลังทานข้าว พยายามไม่ใช้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องมากจนเกินไป ควบคุมน้ำหนักให้ได้ตามมาตรฐาน งดการสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น
ไส้เลื่อนกระบังลมถึงแม้จะรักษาได้หลายวิธี แต่ด้วยอาการของโรคที่ส่งผลต่อชีวิตประจำวันเราจึงควรหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคนี้ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง