กลืนหมากฝรั่ง จะเป็นอันตรายไหมนะ
กลืนหมากฝรั่ง จะเป็นอันตรายไหมนะ

หมากฝรั่ง (Gum) คือ ผลิตภัณฑ์ทางอาหารชนิดหนึ่งในรูปแบบของหวานขบเคี้ยว เมื่อแรกที่ได้รับประทานจะมีรสชาติหอม หวาน เย็น ตามกลิ่นที่เลียนแบบธรรมชาติ เช่น โคล่า เปปเปอร์มินต์ แอปเปิล หลังจากนั้นจะค่อยๆ จืดลง เหลือแต่กากที่ต้องคายทิ้ง เหมือนกับการบริโภคอ้อยควั่น แต่หลายท่านอาจสงสัยว่า หากเผลอกลืนลงท้องไป จะเป็นอันตรายต่อร่างกายหรือไม่ เพราะมักจะได้ยินคำพูดที่ว่า มันจะไปพันลำไส้ต้องให้หมอผ่าออก

 

 

ส่วนประกอบของหมากฝรั่ง

 

  • สารที่อยู่ในกลุ่มของยางสังเคราะห์ (Polyisobutylene)

 

  • สารให้ความหวาน เช่น น้ำตาล ไซลิทอล แอสปาแตม และซอร์บิทอล

 

  • กัมเบส  

 

  • แบะแซ

 

  • สารแต่งกลิ่น (Flavoring agents)

 

  • สารกันบูด (Preservatives)

 

  • สีผสมอาหาร

 

 

จะเกิดอะไรขึ้นหากกลืนหมากฝรั่ง

 

เมื่อหมากฝรั่งถูกกลืนลงไปในอวัยวะระบบย่อยอาหารก็จะทำงานเป็นปกติ ไม่ได้ไปพันลำไส้ หรือก่อให้เกิดอันตรายแต่อย่างใด ขับถ่ายออกมาเป็นอุจจาระร่วมกับอาหารอื่นๆ ที่รับประทานเข้าไป ถึงอย่างไรก็เป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรปฏิบัติอยู่ดี เพราะถ้าสังเกตดูมูลที่ออกมานั้นจะเห็นรูปร่างของหมากฝรั่งยังคงเดิมอยู่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันไม่ย่อยสลาย

 

 

Gum

 

 

ประโยชน์ของหมากฝรั่ง

 

  • สุขภาพฟันแข็งแรง

 

  • เพิ่มการไหลของน้ำลาย

 

  • ลดความอยากอาหาร

 

  • เผาผลาญแคลอรี

 

  • เพิ่มการไหลเวียนของโลหิตไปยังสมอง

 

  • เสริมประสิทธิภาพความจำ

 

  • คลายความง่วง

 

  • บรรเทาอาการปวดท้อง แพ้ท้อง เมารถ คลื่นไส้ และวิงเวียนศีรษะ โดยเฉพาะผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรืออยู่บนที่สูง

 

 

ผลเสียจากหมากฝรั่ง

 

มักจะเกิดขึ้นกับวัยเด็ก และบุคคลที่ไม่ค่อยดูแลสุขลักษณะ ได้แก่

 

  • ฟันผุ

 

  • เสียบุคลิกจากพฤติกรรมติดการเคี้ยว

 

  • ระคายเคืองเยื่อกระพุ้งแก้ม

 

  • เมื่อยขากรรไกร

 

  • ติดคอ ขัดขวางระบบทางเดินอาหาร และหายใจ

 

 

strong tooth gum

 

 

หมากฝรั่งติดคอ ทำอย่างไร

 

หมากฝรั่งจะค่อยๆ ละลาย และจะถูกทำลายโดยกรดในกระเพาะอาหาร

 

  • หากเป็นก้อนเล็กๆ สามารถนำออกมาได้ หรือปล่อยไว้

 

  • ถ้าเป็นก้อนใหญ่ แล้วเข้าไปอุดตันที่หลอดอาหาร รวมทั้งหลอดลม จนเกิดอาการกลืนลำบาก เหนื่อย หอบอ่อนเพลีย หายใจไม่สะดวก ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายเพิ่มเติม

 

 

กลืนหมากฝรั่งควรทำอย่างไร

 

  • หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอุ่น หรือร้อนจัดโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้หมากฝรั่งละลาย และไปเกาะติดในอวัยวะทางเดินอาหาร

 

  • ควรดื่มน้ำเย็นจัด เพราะจะทำให้หมากฝรั่งแข็งตัว เคลื่อนที่ไปตามทางเดินอาหาร และขับถ่ายออกมาเป็นอุจจาระตามปกติได้อย่างง่ายดาย

 

 

หมากฝรั่งเกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ โดยเป็นการเคี้ยวเปลือกของต้นมาสติค (mastic) เมื่อโลกเข้าสู่ทศวรรษที่ 1871 โทมัส อดัมส์ ได้ผลิตหมากฝรั่งยางไม้ไร้รสชาติ ณ ร้านขายยา ในรัฐนิวเจอร์ซี สหรัฐอเมริกา อีก 9 ปีต่อมา นายวิลเลียม เจ ไวท์ ได้ผสมผสานรสชาติเกิดเป็นรสเปปเปอร์มินต์ขึ้นมา จะเห็นได้ว่าสิ่งนี้อยู่ร่วมกับมนุษย์เรามาช้านาน ดังนั้นควรใช้อย่างระมัดระวัง ผู้ปกครองสอนบุตรหลานให้รับประทานอย่างพอดี รวมทั้งการรักษาสุขลักษณะช่องปาก และฟัน

 

 

 


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

 

 

แผนกทันตกรรม