ภูมิแพ้ขึ้นตา (Allergic Conjunctivitis) หรือเยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้ เกิดจากเยื่อบุตาขาวมีการอักเสบจากปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งที่ทำให้เกิดการแพ้ ดวงตาจึงระคายเคือง อาจทำให้เสียบุคลิกภาพ แม้ว่าอาการจะไม่รุนแรงมาก แต่ถ้าหากปล่อยเอาไว้โดยไม่ทำการรักษา อาจพัฒนาเป็นเยื่อบุตาอักเสบเรื้อรัง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการมองเห็นและคุณภาพชีวิตในระยะยาว โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะประชากรที่อาศัยอยู่ในเขตอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ หรือชุมชนแออัด
ดวงตาสัมผัสกับเชื้อโรค หรือถูกกระตุ้นจากสารก่อภูมิแพ้
น้ำยาคอนแทคเลนส์ หรือการใช้ยาหยอดตาบางชนิด
ควัน, สารเคมี หรือมลพิษทางอากาศ
เกสรดอกไม้
ไรฝุ่น, ขนสัตว์
เครื่องสำอาง
กลิ่นน้ำหอม
การแพ้อาหารบางชนิด เช่น อาหารทะเล เป็นต้น
การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
คัน เคือง และแสบตา
น้ำตาไหล, ตาเยิ้ม, ชื้นแฉะ
ขี้ตาเหนียว
มีอาการปวดบวมบริเวณเปลือกตา
ดวงตาไวต่อแสง
หากมีอาการร่วมเหล่านี้ และไม่บรรเทาลงภายใน 3-4 วัน ควรเข้าพบแพทย์ทันที
มีตุ่มที่ดวงตา หรือเปลือกตา
เจ็บ, ปวดอย่างรุนแรงที่บริเวณตา โดยเฉพาะเมื่อถูกแสงแดด หรือตอนอยู่ในบริเวณที่มีความสว่าง
การมองเห็นผิดปกติไปจากเดิม
ผู้ที่มีประวัติการเป็นโรคภูมิแพ้ เช่น โรคหอบหืด, ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง เป็นต้น
ผู้ที่อาศัยอยู่ใกล้เขตอุตสาหกรรม
ผู้ที่ใช้คอนแทคเลนส์เป็นประจำ
เยื่อบุตาอักเสบเรื้อรัง
เกิดแผลที่กระจกตา
การมองเห็นผิดปกติ
ในขั้นแรกแพทย์จะซักประวัติผู้ป่วยถึงอาการ และระยะเวลาของการเกิดโรค รวมทั้งประวัติภูมิแพ้ของบุคคลในครอบครัว ต่อมาแพทย์จะเริ่มวินิจฉัยดวงตาของผู้ป่วยจากภายนอกก่อนว่ามีอาการบวม แดง มากน้อยหรือไม่ และมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในดวงตาหรือเปล่า ด้วยวิธีการอื่นๆ ได้แก่
การใช้เครื่องออพธัลโมสโคป (Ophthalmoscope)
การขูดเก็บเยื่อบุตา (Conjunctival Swabs) เป็นการตรวจสอบการตอบสนองต่อภูมิแพ้จากเซลล์เม็ดเลือดขาว
การตรวจโลหิต เพื่อตรวจสอบสารภูมิคุ้มกัน และสารที่สร้างโปรตีน
การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Allergy Skin Test) เพื่อหาสารก่อภูมิแพ้ และการตอบสนองของร่างกายต่อสารก่อภูมิแพ้
ยาหยอดตา
ที่มีส่วนประกอบของยาต้านภูมิแพ้ และยากระตุ้นการหดตัวของหลอดเลือด สำหรับภูมิแพ้เฉียบพลัน
ที่มีส่วนประกอบของยาต้านภูมิแพ้, ยาระงับการหลั่งสารมาสต์เซลล์ และโตติเฟน สำหรับภูมิแพ้ตามฤดูกาล
รับประทานยา
ยาไดเฟนไฮดรามีน
ยาต้านภูมิแพ้ชนิดที่ทำให้ง่วงนอน และไม่ง่วงนอน โดยควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้
หลีกเลี่ยงการใช้มือขยี้ตา
ประคบเย็นบนดวงตา
ล้างมือด้วยน้ำอุ่น หลังจากใช้ยาหยอดตา
หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้
เมื่อมีการสัมผัสสารเคมี ให้ล้างดวงตาด้วยน้ำสะอาด หรือน้ำเกลือทางการแพทย์
ทำความสะอาดที่อยู่อาศัยและเครื่องนอนเป็นประจำ
ติดตั้งเครื่องกรองอากาศ
ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
รับประทานผัก และผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง
หากเป็นภูมิแพ้ขึ้นตา แล้วใช้มือไปขยี้จนเกิดแผล อาจทำให้ส่งผลกระทบต่อการมองเห็นในอนาคต หรือกระจกตาทะลุได้ หากแผลเปิดต้องเข้ารับการผ่าตัดทันที หากคุณมีอาการที่สงสัยว่าเป็นภูมิแพ้ขึ้นตา ควรปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง