อาการร้อนใน (Aphthous Ulcers) เป็นอาการที่ยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิด โดยแพทย์ได้สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากพันธุกรรม หรือปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำหน้าที่เพิ่มความเสี่ยง เช่น ฮอร์โมน หรือเชื้อไวรัส ถึงแม้ว่าอาการดังกล่าวจะสามารถหายไปได้เองภายใน 2 สัปดาห์ แต่ระหว่างนั้นหากเกิดภาวะลุกลามหรืออาการไม่ดีขึ้น ให้รีบเข้าพบแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป เพราะถ้าหากปล่อยไว้อาจมีปัญหาอื่นตามมาได้
ในปัจจุบัน ยังไม่สามารถหาสาเหตุที่แน่ชัดได้ว่าร้อนในเกิดจากสาเหตุใด โดยเบื้องต้นอาจเกิดจากปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่
เชื้อไวรัสและแบคทีเรีย
เกิดจากลักษณะเฉพาะของร่างกายสตรี คือ ประจำเดือน
บาดเจ็บจากการกัด, เกิดการกระแทกจากการแปรงฟัน, มีการเสียดสีจากการจัดฟัน หรืออุปกรณ์ทันตกรรมต่าง ๆ ภายในช่องปาก
การแพ้อาหาร หรือการขาดสารอาหาร เช่น ช็อกโกแลต, ถั่ว, ชีส เป็นต้น
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
พักผ่อนน้อย, ความเครียด
การรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาในกลุ่ม NSAIDs
มีลักษณะบวมแดง และเจ็บตามจุดต่าง ๆ ภายในช่องปาก เช่น ที่ริมฝีปากด้านใน, ลิ้น, แก้ม
ในบางรายอาจมีอาการอื่น ๆ เกิดขึ้นร่วมด้วย เช่น อาการไข้ หรือต่อมน้ำเหลืองบวม เป็นต้น
หากเป็นร้อนในแล้วมีอาการดังต่อไปนี้ ควรเข้าพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการทันที
แผลที่เกิดขึ้นมีจำนวนมากกว่าจุดเดียว และเกิดขึ้นต่อเนื่องแม้ว่าแผลเก่าจะยังไม่หาย
แผลที่เกิดขึ้นมีขนาดใหญ่เกินกว่าปกติ หรือลุกลามไปยังบริเวณอื่น
มีอาการไข้สูงร่วมด้วยขณะมีแผลร้อนใน
เป็นแผลร้อนในอย่างต่อเนื่อง และไม่มีอาการดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์
ผู้ที่มีปัญหา หรือมีอุปกรณ์ด้านทันตกรรมในช่องปากจนเป็นเหตุให้แผลหายช้า
แผลร้อนในขนาดเล็ก
แผลร้อนในชนิดนี้ สามารถพบได้บ่อยใน 80% ของผู้ป่วยร้อนในทั้งหมด โดยลักษณะของแผลร้อนในชนิดนี้ จะเป็นแผลตื้นรูปทรงไข่ หรือทรงกลม จะมีขนาดไม่เกิน 1 เซนติเมตร มีวงสีแดงและเนื้อเยื่อสีขาวเหลืองปกคลุมล้อมรอบแผล มักจะเกิดขึ้นบริเวณกระพุ้งแก้ม, พื้นปาก, เพดานอ่อน หรือขอบของลิ้น เป็นต้น
แผลร้อนในขนาดใหญ่
พบได้น้อย แต่มักจะมีอาการที่รุนแรง โดยจะมีขนาดของแผลประมาณ 1 - 3 เซนติเมตร ลักษณะจะเป็นแผลลึก, ขอบแผลยกนูน, รอบแผลมีอาการบวมหรืออักเสบ พบได้ที่บริเวณริมฝีปาก, เพดานอ่อน หรือบริเวณระหว่างปากและคอ ร้อนในชนิดนี้มักจะเกิดขึ้นนาน โดยมีระยะเวลาอยู่ที่ 6 สัปดาห์ หลังจากแผลหายอาจทิ้งร่องรอยของแผลเป็นไว้
แผลร้อนในคล้ายแผลเฮอร์ปีส์
ร้อนในชนิดนี้มักจะพบได้น้อยมาก ๆ โดยอาการจะเป็นแผลชนิดรูปร่างกลม, รี ขนาดเล็กประมาณ 1 - 2 มิลลิเมตรหลายแผล ร้อนในชนิดนี้จะมีลักษณะของแผลคล้ายกับการติดเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ มักมีอาการปวด ส่งผลให้รับประทานหรือกลืนอาหารลำบาก
แผลร้อนในจะถูกกระตุ้นจากความเครียด ยิ่งผู้ป่วยเครียดมากจะกระตุ้นโอกาสให้เกิดร้อนในมากขึ้นเช่นกัน
การพักผ่อนไม่เพียงพอ อาจส่งผลให้เกิดระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องได้
การขาดวิตามินหรือเกลือแร่ โดยเฉพาะธาตุเหล็กและวิตามินบี
การแพ้สารบางชนิดภายในยาสีฟัน อาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง ส่งผลให้เกิดแผลเปื่อยขึ้น
การจัดฟัน กระพุ้งแก้มอาจมีโอกาสที่เหล็กดัดฟันจะเสียดสีบ่อย อาจทำให้เกิดแผลร้อนในเรื้อรังได้
การกัดโดนริมฝีปาก, ลิ้น หรือกระพุ้งแก้มขณะรับประทานอาหาร
ร้อนในไม่จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจสอบหรือวินิจฉัยใด ๆ จากแพทย์ แต่ถ้าหากเป็นในกรณีที่เกิดแผลร้อนในรุนแรง แพทย์อาจจะใช้วิธีการตรวจเลือด และนำตัวอย่างชิ้นเนื้อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพราะแผลร้อนในที่เกิดการกระจายตัวและมีความรุนแรงนั้น อาจเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันร่างกายบกพร่อง, การขาดวิตามินหรือแร่ธาตุ, การติดเชื้อไวรัส หรือความผิดปกติเกี่ยวกับฮอร์โมน เป็นต้น
หากเป็นแผลร้อนใน โดยทั่วไปจะสามารถหายได้เองในระยะเวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ แต่ต้องมีการปรับพฤติกรรมควบคู่ด้วย ดังนี้
การดูแลสุขภาพของช่องปากอยู่เสมอ ๆ เช่น การแปรงฟันโดยไม่ใช้แปรงที่มีขนแข็งจนเกินไป, ใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ และการใช้น้ำยาบ้วนปากอ่อน ๆ ที่มีส่วนช่วยในการต่อต้านแบคทีเรีย เพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก และลดอาการอักเสบ
การหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัด
การเลือกซื้อยามาทานเอง แต่ควรอยู่ภายใต้การแนะนำของแพทย์ด้วย
การใช้ยาทาเพื่อบรรเทาอาการ เช่น ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ชนิดใช้ภายนอก
หากผู้ป่วยมีอาการรุนแรง แพทย์จะพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะหรือยาที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน
การจี้ด้วยไฟฟ้า
อาการดังกล่าว ไม่สามารถป้องกันได้อย่างสมบูรณ์ แต่สามารถลดความเสี่ยงที่จะเกิดได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
รับประทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะ หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดที่ทำให้เกิดการระคายเคือง หมั่นทานผักและผลไม้เพื่อเพิ่มวิตามินที่จำเป็นให้แก่ร่างกาย
ดูแลสุขอนามัยภายในช่องปากด้วยการแปรงฟันหลังรับประทานอาหาร และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดแผลภายในช่องปาก โดยเฉพาะผู้ที่จัดฟัน
หลีกเลี่ยงการใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของสาร SLS
ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวันอย่างน้อย 6 - 8 แก้ว/วัน
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
หลีกเลี่ยงความเครียด และพักผ่อนให้เพียงพอ
น้ำเก๊กฮวย
น้ำหล่อฮั้งก้วย
น้ำจับเลี้ยง
น้ำใบบัวบก
น้ำมะตูม
น้ำกระเจี๊ยบ
แผลร้อนในถึงแม้ว่าจะหายได้เองเสียเป็นส่วนมาก แต่อาการที่เกิดขึ้นสามารถสร้างความรำคาญ และความลำบากในการใช้ชีวิตได้ ดังนั้น เราจึงควรรักษาสุขอนามัยของช่องปาก และเลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสมเพื่อลดโอกาสเกิดโรคนี้ให้มากที่สุด หากผู้ป่วยมีอาการร้อนในที่รุนแรง ให้เข้าพบแพทย์เพื่อประเมินอาการและดำเนินการรักษาต่อไป