“ภาวะหมดไฟ” มีจุดเริ่มต้นจากการทำงานที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ และยังไม่สามารถยอมรับผลงานที่เกิดขึ้นได้ หากปล่อยไว้นานจะยิ่งมีความเสี่ยง ซึ่งอาจพัฒนากลายเป็นโรคซึมเศร้าได้ เมื่อเกิดภาวะนี้จึงต้องรีบพักผ่อน ปรับตัว และหาทางออกร่วมกันกับเพื่อนร่วมงาน หากรีบมองกลับมาถึงสาเหตุของปัญหาแล้วปรับตัวได้เร็ว อาจจะช่วยแก้ไขภาวะหมดไฟได้เร็วยิ่งขึ้น
เป็นสภาวะด้านจิตใจที่เกิดจากความเหนื่อยล้า หรือเกิดจากความเครียดจากการทำงาน ส่งผลให้ประสิทธิภาพของงานลดลง ไม่มีแรงผลักดันให้อยากทำงานต่อ และเริ่มมีความคิดในแง่ลบเกี่ยวกับงานที่ทำอยู่ ในบางรายอาจส่งผลให้ไม่ต้องการพบเจอใคร และมีโอกาสพัฒนากลายเป็นโรคซึมเศร้าในที่สุดหากสิ่งแวดล้อมไม่ดีขึ้น หรืออยู่ในสภาพจิตใจเช่นนี้บ่อยครั้ง ภาวะนี้ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม ICD โดยองค์การอนามัยโลก ซึ่งเป็นโรคทางสุขภาพจิตที่ควรได้รับการรักษา
ภาระงานที่หนักเกินไปผสมกับความยากของงานในช่วงเวลาที่น้อยเกิน
ไม่มีความชำนาญในสายงานที่ทำอยู่
ไม่สามารถเข้ากับเพื่อนร่วมงานได้ รู้สึกไร้ตัวตนหรือไม่เป็นส่วนหนึ่งของทีม
ค่าตอบแทนที่ได้รับน้อยเกินไป
เมื่อเกิดปัญหา อาจไม่ได้รับความยุติธรรม และการเปิดใจยอมรับกับปัญหาที่มากพอ
คนที่ยึดติดกับความสมบูรณ์แบบ ต้องการให้สิ่งที่ทำออกมาดีที่สุดโดยไม่ยอมยืดหยุ่นผลงาน เพื่อให้เกิดความผ่อนคลายมากขึ้น
องค์กรไม่มีความมั่นคง หรือนโยบายการบริหารที่อาจไม่ชัดเจนพอ
สาเหตุอื่นที่อาจก่อให้เกิดภาวะหมดไฟจากการทำงาน เช่น กลุ่มแม่บ้านที่มีภาระงานหนัก ต้องดูแลความเรียบร้อยในบ้านร่วมกับการเลี้ยงลูกโดยไม่มีคนช่วยเป็นเวลานาน หรือผู้ที่อยู่ในครอบครัวที่มีปัญหา เช่น ทะเลาะบ่อย มีปากเสียงกันเป็นประจำ เป็นต้น
อาการที่เกิดขึ้นทางร่างกาย เช่น เริ่มอ่อนแรง, อ่อนเพลีย, มีอาการปวดเมื่อยตามร่างกายโดยอาการปวดอาจเป็นในลักษณะเรื้อรัง, ไม่ค่อยมีสมาธิ เป็นต้น
อาการทางด้านจิตใจ ไร้แรงจูงใจในการทำงาน, รู้สึกเบื่อ, เริ่มมีความคิดแง่ลบไม่พอใจงานของตนเอง, ไม่อยากพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน และโมโหง่าย
อาการทางพฤติกรรมที่ส่งผลต่อการทำงาน เช่น การผัดวันประกันพรุ่ง, ขาดความคิดสร้างสรรค์, จัดการเวลาไม่ได้โดยแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการทำงานที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด, ไม่กระตือรือร้น เป็นต้น
ระยะฮันนีมูน
ทุ่มเทกับการทำงานอย่างตั้งใจ พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงออกมาดี
ระยะรู้สึกตัว
งานที่ออกมาไม่เป็นไปตามที่ต้องการหรือที่ทุ่มเทไป ส่งผลทำให้เกิดความผิดหวัง รู้สึกชีวิตมีความผิดพลาดจนไม่สามารถจัดการตนเองได้
ระยะไฟตก
เริ่มมีความเครียด และความเหนื่อยล้า เริ่มมีพฤติกรรมออกจากสังคม และวิจารณ์องค์กรตนเอง
ระยะหมดไฟเต็มที่
หากปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขจะเข้าสู่ช่วงสิ้นหวัง ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นการหมดไฟอย่างสมบูรณ์
ระยะฟื้นตัว
หลังผ่านไประยะหนึ่ง จะสามารถปรับการทำงานให้ดีขึ้น หากได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ รวมไปถึงการปรับความคิดให้มีเป้าหมายและแรงบันดาลใจ ที่ส่งเสริมให้สามารถกลับมาทำงานได้ดีเช่นเดิม
การพักผ่อน อาจจะเป็นการลาพักร้อนเพื่อพาตัวเองออกจากสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ไม่พึงประสงค์ เพื่อฟื้นฟูร่างกายและสภาพจิตใจ
ไม่นั่งคิดเรื่องงานมากจนเกินไป หากเลิกงานควรหากิจกรรมอื่นทำ เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
พัฒนาทักษะการทำงานให้ดีขึ้น
เปิดใจคุย ปรึกษาเกี่ยวกับงานที่ทำอยู่กับเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้า เพื่อหาแนวทางการดำเนินงานร่วมกัน
หากจะลาออกจากงาน ควรพิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียก่อน เพื่อเป็นการประเมินความเหมาะสมของงานที่ทำอยู่
การวางแผนและตั้งเป้าหมายของชีวิต โดยต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงหรือมีขอบเขต เพื่อให้เห็นและสามารถเดินตามเป้าหมายนั้นได้
อยู่กับปัจจุบันให้มีความสุข ไม่ว่าจะเป็นการทำงานแต่พอดี, การดูแลสุขภาพของตนเอง, การพบปะสังสรรค์, ออกกำลังกาย เป็นต้น
การจัดการกับตนเองและสิ่งแวดล้อมในที่ทำงานโดยอาจเป็นการผูกมิตรหรือการปรับเปลี่ยนมุมมองของงานที่ทำอยู่ เพื่อให้สามารถปล่อยวางได้มากยิ่งขึ้น
อาการหมดไฟสามารถเกิดขึ้นได้กับวัยทำงานทุกคน ถึงแม้จะไม่มีความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต แต่สามารถส่งผลต่อสิ่งรอบตัวได้ ทั้งผู้คนหรือหน้าที่การงาน ดังนั้นเมื่อมีอาการหมดไฟ ควรพักผ่อนร่างกาย, ผ่อนคลายจิตใจ ถ้าสามารถปล่อยวางความคิดจากการทำงานได้ จะถือเป็นการดีที่สุด
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
Shift Work ความเสี่ยงของผู้ที่ทำงานเป็นกะได้รับผลกระทบ