โรคหัดเยอรมัน (Rubella) คือ โรคไข้ออกผื่นที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหัดเยอรมัน อาการคล้ายโรคหัด แต่จะมีความรุนแรงน้อยกว่าโรคหัด เว้นแต่ผู้หญิงตั้งครรภ์ในระยะแรก ที่เชื้ออาจจะแพร่เข้าสู่ทารกในครรภ์ ส่งผลให้ทารกพิการ และแท้งเสียชีวิตได้ ดังนั้นผู้หญิงตั้งครรภ์ และยังไม่เคยฉีดวัคซีน ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์เพื่อป้องกันเด็กทารกจากโรคหัดเยอรมัน
โรคหัดเยอรมันเกิดจากเชื้อรูเบลลาไวรัส (Rubella virus) อยู่ในตระกูลโทกาวิริดี (Togaviridae) เชื้อจะอยู่ในน้ำมูก น้ำลาย และเสมหะของผู้ป่วย จึงติดต่อได้จากการหายใจ และการสัมผัสกับผู้ป่วย เมื่อเชื้อหัดเยอรมันเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจแล้ว เชื้อนี้จะกระจายเข้าสู่กระแสเลือด และระบบน้ำเหลือง ทำให้ต่อมน้ำเหลืองโต เชื้อจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เข้าสู่กระแสเลือดอีกครั้ง โดยมีระยะฟักตัว 12-24 วัน
หากมารดาติดเชื้อหัดเยอรมันในช่วงของการตั้งครรภ์ ทำให้ทารกในครรภ์มีโอกาสเป็นโรคหัดเยอรมันแต่กำเนิด (Congenital Rubella Syndrome) โดยเชื้อจะส่งผ่านผ่านทางกระแสเลือด และสารคัดหลั่ง รวมถึงน้ำนมหลังคลอด ทำให้เกิดการแท้ง หรือทารกเสียชีวิตในครรภ์ได้ นอกจากนี้ทารกที่คลอดออกมาเกิดความพิการหรือความผิดปกติของร่างกาย เช่น ความบกพร่องทางสติปัญญา สมองไม่พัฒนา ทำให้มีพัฒนาการช้ากว่าเด็กทั่วไป รวมทั้งหูหนวก ต้อกระจก และหัวใจตั้งแต่กำเนิด เป็นต้น
การตรวจหาภูมิคุ้มกันโรคหัดเยอรมัน (rubella antibodies) จากการตรวจน้ำลาย และการตรวจเลือด (Saliva & Blood Test) โดยแพทย์จะเก็บตัวอย่างน้ำลายภายในช่องปาก หรือตัวอย่างเลือดของผู้ป่วย ซึ่งจะช่วยตรวจหาสารภูมิต้านทานจำเพาะต่อโรคหัดเยอรมัน คือ สารภูมิต้านทานชนิดเอ็ม (IgM Antibody) และชนิดจี (IgG Antibody)
การฉีดวัคซีน MMR หรือการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมัน รวมทั้งการตรวจหาภูมิคุ้มกันโรคหัดเยอรมัน มักจะอยู่ในโปรแกรมฝากครรภ์ และตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน เพราะเป็นการป้องกันโรคหัดเยอรมันแล้ว ยังเหมาะสำหรับผู้ที่วางแผนแต่งงาน สร้างครอบครัว และวางแผนการมีบุตรอีกด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง