การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจผ่านทางหลอดอาหาร หรือ Transesophageal Echocardiography คือ การตรวจชนิดพิเศษทางระบบหัวใจ โดยใช้เครื่องตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจที่มีความถี่สูง เพื่อช่วยในการวินิจฉัยของแพทย์ ซึ่งสามารถประเมินโครงสร้างของหัวใจแบบละเอียด และชัดเจน
ตรวจเพิ่มเติมในกรณีเมื่อการวินิจฉัยผู้ป่วยที่ตรวจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจผ่านทางทรวงอกไม่ชัดเจน
ตรวจการทำงานของลิ้นหัวใจเทียม
ตรวจเพื่อหาลิ่มเลือดหัวใจ
ตรวจเนื้องอก หรือก้อนบริเวณหัวใจ
ตรวจดูความผิดปกติของลิ้นหัวใจ
ตรวจพังผืด ในผู้ป่วยรายที่เยื่อบุหัวใจอักเสบ
โรคเกี่ยวกับหลอดเลือดแดงใหญ่บริเวณทรวงอก
งดทานอาหาร และน้ำก่อนเข้ารับการตรวจ 4-6 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายจากการอาเจียน และสำลักขณะตรวจ
งดทานยาละลายลิ่มเลือด 3-5 วัน ก่อนเข้ารับการตรวจ
หากผู้ป่วยมีประวัติการแพ้ยา หรือมีโรคประจำตัว ที่เป็นข้อห้ามในการตรวจ ควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ
ถ้ากรณีที่เกิดฟันโยกคลอน จากการถอดฟันปลอม ควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ
ผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
ผู้ป่วยที่เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ หรือมีเลือดออก
ผู้ป่วยที่กลืนลำบาก
ผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดอาหารอักเสบ มีเนื้องอก หรือการอุดตัน
แพทย์จะอธิบายขั้นตอนการตรวจอย่างละเอียด ก่อนที่จะทำการใส่สายตรวจให้ผู้ป่วย
ให้ผู้ป่วยอม และพ่นยาชา เพื่อป้องกันอาการเจ็บคอก่อนใส่สาย
ให้ผู้ป่วยนอนตะแคงซ้าย และก้มหน้าขณะตรวจ เพื่อให้น้ำลายไหลออกบริเวณข้างแก้ม
แพทย์จะสอดสายตรวจผ่านทางบริเวณช่องปาก เข้าสู่หลอดอาหาร และปลายสายจะอยู่บริเวณที่ด้านหลังของหัวใจ โดยแพทย์อาจจะขอความร่วมมือให้ผู้ป่วยช่วยกลืนสายขณะสอดใส่
การตรวจจะใช้ระยะเวลาประมาณ 10-20 นาที โดยตลอดการตรวจจะมีแพทย์คอยดูแลอย่างใกล้ชิด
ขณะที่ตรวจให้ผู้ป่วยหายใจทางจมูก ถ้าในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นเด็ก ให้รับยานอนหลับก่อนตรวจ
มีไข้ เจ็บปวดลำคอ หัวใจเต้นผิดปกติ
เกิดอาการสำลัก และฟันอาจจะหัก หรือโยกได้
บางรายอาจจะเกิดหลอดอาหารเป็นแผล ทะลุ หรืออักเสบ
มีเลือดออกบริเวณกระเพาะ และหลอดอาหาร
กลั้วคอ และบ้วนปาก ด้วยน้ำสะอาด 1 แก้ว
งดน้ำ และอาหารเป็นระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หรือจนกว่าอาการชาที่ลำคอจะหาย ซึ่งยาชาอาจจะออกฤทธิ์ 30-45 นาที
ถ้าไม่มีอาการสำลัก สามารถรับประทานอาหารเหลวชนิดเย็น เช่น นม แล้วตามด้วยอาหารอ่อนได้
ในกรณีที่มีอาการเจ็บปวดบริเวณลำคอ สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้ทุก 4-6 ชั่วโมง
หลังจากทำการตรวจเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะแจ้งผล และแนวทางการรักษาให้ผู้ป่วยทราบ ถ้าเกิดในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นโรคลิ้นหัวใจตีบ หรือร่างกายของผู้ป่วยไม่ได้เข้าข่ายข้อห้ามใด แพทย์จะนัดผู้ป่วยมาตรวจ และให้นอนที่โรงพยาบาล เพื่อเข้ารับการรักษา โดยการใส่บอลลูนขยายลิ้นหัวใจ
การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจผ่านทางหลอดอาหาร เป็นอีกหนึ่งทางเลือกการรักษาสำหรับผู้ป่วย โดยตลอดการรักษาจะมีแพทย์คอยประกบ และเฝ้าสังเกตอย่างใกล้ชิด ผู้ป่วยท่านใดต้องการที่จะรักษาด้วยวิธีนี้ ควรอ่านข้อปฏิบัติ และข้อห้ามให้ชัดเจน เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ป่วยเอง
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ECHO เครื่องตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Update ปี 2567)